ชาวบ้านอ่างทองตะลึง เปิด "วิหารวัดท้ายย่าน" ที่ปิดมานานเกือบ 20 ปี พบพระนอน หรือ "พระพุทธไสยาสน์ปุนญญาภา"
ขนาดใหญ่ยักษ์ที่ตั้งอยู่ในวิหาร องค์พระห่อหุ้มด้วยผ้าไหมทอง ล่าสุด เจ้าอาวาสและคณะกรรมการวัดยุคปัจจุบันประชุมร่วมกับเทศบาลตำบลศาลาแดง เห็นชอบให้เปิดวิหาร พร้อมบูรณะเพื่อเปิดให้พุทธศาสนิกชนเข้ากราบไหว้บูชา เตรียมพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวต่อไปเคียงคู่กับ "วัดร้างสังกระต่าย" ที่ตัววัดโอบอุ้มด้วยรากต้นโพธิ์จนเป็นข่าวฮือฮาก่อนหน้านี้
ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รับแจ้งข้อมูลจากนายไพฑูรย์ แย้มวจี อายุ 73 ปี ที่ปรึกษานายกเทศบาลตำบลศาลาแดง อ.เมือง จ.อ่างทอง
ว่าผลการประชุมวัดท้ายย่านเห็นชอบให้เปิดวิหารของวัดที่ปิดตัวเองมาตั้งแต่ปีพ.ศ.2537 เพื่อให้พุทธศาสนิกชนกราบไหว้บูชาพระนอน หรือพระพุทธ ไสยาสน์ปุนญญาภา องค์ขนาดใหญ่ยักษ์ที่ตั้งอยู่ในวิหาร ทั้งยังมีโครงการพัฒนาวัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวควบคู่ไปกับวัดร้างสังกระต่ายของตำบลศาลาแดง
อ่างทองตะลึง พระนอน ใหญ่ 18 วาปิดตาย 19 ปีเพิ่งเปิดให้บูชา !
ต่อมา ผู้สื่อข่าวไปตรวจสอบที่วัดท้ายย่าน หมู่ 3 ต.ศาลาแดง อ.เมือง จ.อ่างทอง พบนายสนอง ชื่นชมพุทธ อายุ 74 ปี
ไวยาวัจกรประจำวัด ได้รับมอบหมายจากพระปลัดปิยะพันธ์ บูระกะโร เจ้าอาวาส ให้ดูแลการเปิดวิหารอย่างเป็นทางการเพื่อให้ประชาชนกราบไหว้บูชาพระพุทธไสยาสน์ปุนญญาภา รวมทั้งเตรียมแผนพัฒนาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวควบคู่ไปกับวัดร้างสังกระต่ายที่มีรากต้นโพธิ์ยึดโครงสร้างตัววัดช่วยให้ไม่พังลงมาจนเป็นข่าวดังไปทั่วประเทศก่อนหน้านี้
นายสนองเปิดเผยว่า เจ้าอาวาสในอดีตสั่งปิดวิหารวัดท้ายย่านตั้งแต่ปี 2537 หรือเมื่อ 19 ปีก่อน
โดยไม่มีใครทราบชัดเจนว่าภายในวิหารมีอะไรบ้าง ล่าสุดเมื่อเปิดเข้าไปตรวจดูข้างในต้องตกตะลึง เพราะพบพระนอน หรือพระพุทธไสยาสน์ปุนญญาภา มีความยาว 18 วา 9 นิ้ว ความสูง 9 เมตร ห่อหุ้มด้วยผ้าไหมทองสวยงามมาก นอกจากนั้น ยังเป็นพระพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่อันดับ 2 รองจากพระไสยาสน์ขุนอินทประมูลและใหญ่กว่าพระพุทธไสยาสน์วัดป่าโมกอีกด้วย
"ประชาชนส่วนใหญ่ในจังหวัดอ่างทองไม่เคยรู้มาก่อนว่าวัดท้ายย่านมีพระพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่นอกจากชาวบ้านในหมู่บ้านเท่านั้น จากนั้นจึงตรวจสอบประวัติพบว่าเริ่มสร้างเมื่อปี 2531 แต่หลังจากสร้างเสร็จปี 2537 ก็ปิดตายโดยไม่เปิดให้สักการบูชา และเมื่อตรวจสอบภายในวิหารก็ยังพบรูปหล่อหลวงพ่อรอด อายุกว่า 100 ปีเป็นรูปหล่อโบราณลงรักดำทั้งองค์เนื้อปูนเก่า และรูปหล่อหลวงพ่อลาภคู่กันเป็นเนื้อปูนแต่มีรอยแตกอยู่บ้าง ซึ่งชาวอ่างทองเคารพนับถือเป็นอย่างมาก เพราะเป็นเกจิดังอันดับต้นๆ ของจังหวัด" นายสนองกล่าว
ไวยาวัจกรวัดท้ายย่าน ระบุด้วยว่า หลวงพ่อบุญ เจ้าอาวาสในอดีต สร้างพระพุทธไสยาสน์ดังกล่าวเสร็จในปี 2537
แต่ไม่เปิดให้สักการบูชาและไม่มีใครทราบว่าวัดท้ายย่านมีพระพุทธไสยาสน์ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของจังหวัดอ่างทอง ขนาดประชาชนบางตำบลยังไม่รู้ว่ามีพระนอนซ่อนอยู่ในวิหารแห่งนี้ ทางจังหวัดอ่างทองก็ไม่รู้ ทั้งนี้เทศบาล ตำบลศาลาแดงประสานกับทางวัดท้ายย่านเพื่อเปิดให้ประชาชนมาบูชาเป็นแหล่งท่องเที่ยวของตำบลศาลาแดง ควบคู่ไปกับวัดร้างสังกระต่ายเพื่อให้ประชาชนทั่วประเทศมาชื่นชมและสักการบูชา เพราะวัดท้ายย่าน มีเกจิดังและชื่อเป็นมงคลทั้ง 4 องค์ คือ หลวงปู่รอด หลวงพ่อลาภ หลวงพ่อบุญ และหลวงพ่อทาน ทั้ง 4 องค์จะประดิษฐานที่วิหารวัดท้ายย่าน เปิดให้ประชาชนสักการบูชา
ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงสาเหตุที่วัดท้ายย่านไม่เปิดให้พุทธศาสนิกชนเข้าบูชาพระนอนตั้งแต่สร้างเสร็จเมื่อ 19 ปีก่อน
นายสนองระบุว่าไม่ทราบแน่ชัด เพราะหลังจากหลวงพ่อบุญสร้างเสร็จก็สั่งปิดมาตลอด กระทั่งหลวงพ่อสิ้นไปในปีเดียวกัน ต่อมามีเจ้าอาวาส รูปใหม่ทำหน้าที่แทนก็ไม่เปิดวิหารเช่นกันจนมรณภาพอีกรูป แต่ล่าสุดคณะกรรมการวัดและเทศบาลตำบลศาลาแดงตกลงกันว่าจะเปิดวิหารเพื่อบูรณะทำเป็นแหล่งท่องเที่ยวหารายได้เข้าวัดเพื่อทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาและใช้ในกิจการของวัดต่อไป
ด้านนายไพฑูรย์ แย้มวจี ที่ปรึกษานายกเทศบาลตำบลศาลาแดง
ให้สัมภาษณ์ว่า เทศบาลกำลังปรับปรุงภูมิทัศน์ที่วัดร้างสังกระต่ายให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวของอ่างทองอีก 1 แห่ง จึงประสานกับวัดท้ายย่าน เพราะอยู่ตำบลศาลาแดงเหมือนกันเพื่อให้เปิดวิหารเป็นแหล่งท่องเที่ยวควบคู่ไปด้วย วัดท้ายย่านจะได้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเพิ่มอีก 1 แห่งของตำบลศาลาแดง และจัดสร้างฤๅษีดัดตน 35 ท่าเพื่อให้เป็นสถานที่ออกกำลังกายด้วย
ขณะเดียวกัน นายสหัส เสมอเหมือน อายุ 56 ปี สมาชิกสภาเทศบาลตำบลศาลาแดง กล่าวว่า วัดท้ายย่านอยู่ห่างจากบ้านตนไม่กี่เมตร
จึงพอรู้เหตุการณ์มาตั้งแต่เริ่มก่อสร้างพระพุทธไสยาสน์ ทั้งนี้พระครูสุทธาภิรม หรือหลวงพ่อบุญ เป็นผู้เริ่มก่อสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 2531 และก่อสร้างแล้วเสร็จปี 2537 แต่ยังไม่เรียบร้อยสมบูรณ์แบบ ปรากฏว่าหลวงพ่อบุญมรณภาพเสียก่อน ประกอบกับช่วงเวลาดังกล่าวไม่ได้เปิดให้คนเข้ากราบไหว้ เพราะหลวงพ่อเคยบอกว่ายังไม่เสร็จดีเลยไม่อยากเปิด ต่อมาพระครูมงคลสุทธิกิจ หรือหลวงพ่อทาน มาเป็นเจ้าอาวาสต่อ และไม่ได้เปิดวิหารดังกล่าวเช่นเดียวกัน โดยหลวงพ่อทานให้เหตุผลว่าอาตมาไม่ได้เป็นคนสร้าง ทำให้วิหารปิดตัวมาเรื่อยๆ จนปี 2554 หลังจากหลวงพ่อทานมรณภาพ พระปลัดปิยะพันธ์ บูระกะโร ขึ้นมาเป็นเจ้าอาวาสวัดท้ายย่านรูปปัจจุบัน ด้านชาวบ้านและกรรมการวัดรวมทั้งเทศบาลศาลาแดงเห็นว่าวัดแห่งนี้มีพระนอนขนาดใหญ่ไม่แพ้ที่ใดในประเทศ เหตุใดถึงไม่เปิดเผยให้ประชาชนรับรู้และเข้ามา กราบไหว้ จึงตัดสินใจเปิดวิหาร พร้อมกับบูรณะให้สวยงามขึ้นและกำลังจัดสถานที่ให้เรียบร้อย
"ตอนนี้ซ่อมแซมไปบ้างแล้ว โดยเฉพาะตัววิหารที่เมื่อก่อนชำรุดพอได้เงินจากกฐินผ้าป่าก็ซ่อมแซมไปเรื่อยๆ จนมีสภาพอย่าง ที่เห็นในปัจจุบัน สำหรับหลวงตาบุญเป็น เจ้าอาวาสวัดรูปที่ 9 และหลวงพ่อทานเป็นเจ้าอาวาสวัดรูปที่ 10" นายสหัสกล่าว