วันที่ 25 ส.ค. ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ และบางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์
ถนนพระราม 1 เขตปทุมวัน กทม. สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ได้จัดงาน “มหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2556 (Thailand Research Expo 2013)” เป็นปีที่ 8 ภายในงานจัดแสดงผลงานวิจัยกว่า 600 ผลงาน จากภาครัฐและภาคเอกชน นำเสนอผลงานวิจัยภายใต้แนวคิด “วิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพ ชีวิตเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน” มีผลงานวิจัยที่น่าสนใจ อาทิ ผลิตภัณฑ์เวชสำอางจากสาหร่ายเตา เครื่องปลูกข้าว นวัตกรรมเพื่อ “ชาวนาไทย” เสื้อเกราะกันกระสุน “อินทนิล” ข้าว “วรางกูร” แผ่นเจลห้ามเลือด ยานบิน 6 ใบพัด อุปกรณ์ป้องกันการโจรกรรมยานพาหนะ ฯลฯ พร้อมกันนี้ภายในงานจัดให้มีงานสัมมนาหัวข้อต่างๆที่น่าสนใจมากมาย
สำหรับผลงานวิจัยที่สร้างความฮือฮาให้กับผู้เข้าชมงานเป็นอย่างมากก็คือ ผลงานวิจัยของ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ในหัวข้องานวิจัยเรื่อง “ไหมอีรี่ ทางเลือกในการสร้างเสริมเศรษฐกิจและการค้า” โดย รศ.ดร.ศิวิลัย สิริมังครรัตน์ โดยเอาตัวหนอนไหมอีรี่ มาทำเมนูเปิดพิสดาร เช่น กระเพรากรอบ น้ำพริกแจ่ว ลาบ ต้มยำรสกรอบแห้ง และที่โดดเด่นเป็นที่ฮือฮาที่สุดก็คือ “ซาลาเปาไส้หนอน” ที่เอาไหมอีรี่ไปผัดกระเพรา ก่อนยัดใส่ลงไปในเนื้อแป้งซาลาเปา และพิซซ่าหน้าหนอนที่นำไหมโรยหน้าไว้ด้านบนอย่างโจ่งแจ้ง โดยรูปลักษณะภายนอกแม้จะดูน่ากลัว เพราะมีหนอนอยู่ภายใน และภายนอก แต่เมื่อเหล่านักชิม ได้ลิ้มลองรสตัวหนอนไหมแล้ว กลับติดใจรสชาติ ไม่หวาดกลัวดังที่ภาพที่เห็น โดยผลงานวิจัยดังกล่าว ยังคงเปิดแสดงให้ประชาชนที่สนใจเข้าชมได้จนถึงวันที่ 27 ส.ค. นี้
ทั้งนี้ ไหมอีรี่ เป็นไหมป่า ที่ให้เส้นใยธรรมชาติซึ่งมีลักษณะคล้ายฝ้าย แต่ยังคงมีความแวววาวของไหม เพาะเลี้ยงได้ง่าย
คล้ายการเพาะเลี้ยงไหมบ้าน พบมากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีลักษณะเด่น คือ ทนทานต่อโรคและแมลงศัตรูพืช ผู้วิจัยได้ศึกษาอย่างครบวงจร นำทุกส่วนมาใช้ประโยชน์อย่างไม่มีเศษเหลือทิ้ง ตัวไหมมีคุณค่าทางโภชนาการที่ดี รสชาติอร่อยและมีโปรตีนร้อยละ 66 ซึ่งถือว่าสูงมากในลำดับต้น ๆ ของแมลงกินได้ที่มีอยู่ในโลก ขณะที่ไหมหม่อนทั่วไปมีโปรตีนเพียงร้อยละ 53-54 เท่านั้น อย่างไรก็ตามเมนูหนอนแมลง มักจะพบอยู่ในเมนูร้านอาหารในพื้นที่ภาคอีสาน.