นพดลคึกทักษิณ จะกลับไทย วอน สุรยุทธ์-สนธิ เลิกระแวงเสียที

สำหรับข้อกล่าวหา


ในกรณี หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผมยืนยันแทนได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัวมีความจงรักภักดีเหมือนคนไทยทุกคนเรื่องนี้ต้องระมัดระวัง ไม่ว่าใครก็ตาม ไม่ควรเอามาพาดพิงเพื่อหวังผลทางการเมือง เหมือนเช่นในอดีตที่เคยใช้เรื่องนี้มาทำลายล้างทางการเมือง

อย่างไรก็ตาม


อยากตั้งข้อสังเกตถึงกรณีก่อนหน้านี้ ที่อัยการสั่งไม่ฟ้องแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยคนหนึ่ง โดยอ้างความสมานฉันท์ แต่วันนี้ อดีตนายกฯ กลับกำลังถูกดำเนินคดี

ขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ที่ประเทศอังกฤษ


มีกำหนดการจะเดินทางไปยังกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐอเมริกา ปลายเดือนนี้ถึงต้นเดือนหน้า เพื่อไปพบปะเพื่อนฝูง โดยไม่มีการนัดสัมภาษณ์หรือปาฐกถาที่ใด

สำหรับการจะกลับประเทศไทยของ พ.ต.ท.ทักษิณ


ขึ้นอยู่กับการดำเนินคดีที่จะพิจารณาในชั้นศาล ถ้าศาลมีคำสั่งก็จำเป็นต้องเดินทางกลับ โดยเฉพาะคดีอาญาที่กฎหมายเขียนไว้ชัดเจนว่าจะต้องดำเนินการต่อหน้าจำเลยเท่านั้น ที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ได้คุยโทรศัพท์กับ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยบอกว่าเวลาที่ควรกลับประเทศไทย คือ หลังการเลือกตั้งนั้นก็เป็นช่วง 2 เดือนก่อน


แต่คาดว่าเวลาที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะกลับประเทศได้ คือ


ช่วงหลังเลือกตั้งเพราะคดีความต่างๆ น่าจะมีการพิจารณาในช่วงเวลานั้น วันนี้อดีตนายกฯ ได้เอาใจช่วยให้รัฐบาลแก้ปัญหาต่างๆ ให้สำเร็จ ตอนนี้ท่านอยู่ในฐานะประชาชนธรรมดา ทุกฝ่ายไม่ต้องหวาดระแวงอะไร

ส่วนที่มีการมองว่าแขนขาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังอยู่ที่ประเทศไทยนั้น


ขอเรียนว่าไม่เพียงเฉพาะแขนขา เพื่อนฝูง พี่น้องและจิตวิญญาณก็อยู่ที่ประเทศไทย แต่ต้องดูว่าเอา แขนขาไปทำอะไร ขอให้สบายใจได้ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้ มีการสั่งการให้ใครทำอะไรเลย ผมอยากให้ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) มีสมาธิแก้ไขปัญหาภาคใต้อย่างเต็มที่ มากกว่า

สำหรับประเด็นเรื่องการสืบทอดอำนาจของ คมช.


ผมคิดว่าถ้าหลัง วันที่ 30 กันยายน 2550 พล.อ.สนธิ เกษียณไปแล้ว จะเข้าสู่ระบบการเมืองด้วยวิถีทางประชาธิปไตย อย่างนั้นคงไม่มีปัญหา ไม่มีอะไรเคลือบแคลง เรายังเชื่อว่าอำนาจรัฐนั้นมาจากปลายปากกาไม่ใช่กระบอกปืน

ส่วนเรื่องการทำงานของ คมช.


และคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา จะพบว่า คมช. เอาเวลาส่วนใหญ่ไปหาเหตุผลของการยึดอำนาจ 4 ข้อ มากกว่าทำอย่างอื่นที่เป็นปัญหาสำคัญ ๆ


ส่วนการที่ คตส. แสดงความดีใจ


หลังจากนำ คดีเลี่ยงภาษี ของคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยาอดีตนายกฯ และนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่ชายต่างมารดา เข้าสู่ขั้นตอนของศาลได้นั้นตรงนี้ถือเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เพราะศาลยังไม่มีคำตัดสิน กระบวนการยังอีกยาวไกล ฉะนั้นจึงไม่อยากให้ คมช. และ คตส. ดีใจมากนัก คุณหญิงพจมาน และนายบรรณพจน์ มั่นใจว่า ต่อสู้คดีได้เมื่อเข้าสู่ศาล เพราะการเมืองจะแทรกแซงกระบวนการตรงนี้ไม่ได้

โดยขณะนี้ทีมทนายอยู่ระหว่างการหารือกัน


และในวันส่งตัวจำเลยต่อศาลคุณหญิงพจมาน และนายบรรณพจน์ คงจะเดินทางไปด้วยตัวเอง ซึ่งผมไม่คิดว่าคดีนี้จะเกิดเหตุการณ์เช่นเดียวกับอดีต คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ไม่ได้รับการประกันตัว จนต้องถูกคุมขัง ผมไม่คิดว่าจะเป็นอย่างนั้น เราหวังว่าจะได้รับการประกันตัว

ส่วนกรณีที่อาจจะมีการ นิรโทษกรรม ให้แก่ คมช. และ คตส.


ผมมองว่าเป็นเรื่องที่แปลก ถ้าทำทุกอย่างไปตามเนื้อผ้า ตามกฎหมาย จะกังวลอะไร การดำเนินการอย่างนี้เหมือนกลัวว่าตัวเองจะทำอะไรผิด ผมเกรงว่าถ้าทำการนิรโทษกรรมตรงนี้แล้ว จะทำให้ คตส. หรือ คมช. จะทำอะไรก็ได้กับคนที่ต้องการจะเอาผิด จ้องเอาผิดฝ่ายตรงข้ามในขณะที่ตัวเองได้รับการนิรโทษกรรม อันนี้จะทำลายหลักสมานฉันท์ และหลักนิติธรรมโดยสิ้นเชิง


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์แนวหน้า

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์