29 ก.ค.56 นายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์
เปิดเผยถึงสถานการณ์ล่าสุดคราบน้ำมันทะลักเข้าสู่บริเวณชายหาดทั้งเกาะเสม็ด หาดแม่รำพึง ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญว่า ได้พยายามประสานงานกับ ปตท. และผู้ว่าฯ ระยอง ด้วยการปกปิดข้อมูลอ้างว่าแก้ไขสถานการณ์ได้แล้ว เพราะไม่ได้มีการระดมความคิดในการแก้ไขสถานการณ์อย่างทันท่วงที ทำให้สถานการณ์บานปลายคราบน้ำมันกระจายสู่ชายหาด จนไม่สามารถประเมินค่าความเสียหายได้
นอกจากนี้ ที่อ้างว่าประมาณการรั่วไหลอยู่ที่ 70 ตันหรือ 70,000 ลิตร จะเท่ากับรถสิบล้อ 5-6 คัน
หากใช้สารเคมีเหมือนที่ทำอยู่ก็น่าจะสลายคราบน้ำมันดิบได้สำเร็จ แต่คราบน้ำมันกลับแผ่กระจายเป็นวงกว้างกระทบกับระบบนิเวศน์วิทยาอย่างมาก ซึ่งน่าจะมีการรั่วไหลมากกว่าที่ให้ข้อมูล ทั้งหมดเกิดจากความไม่โปร่งใสของภาครัฐและการปกปิดความจริงของภาคเอกชน ดังนั้นทั้ง ผู้ว่าราชการจังหวัด และ ปตท.ที่ไม่ยอมให้ข้อมูล
นายสาธิต กล่าวว่า ปตท.ต้องให้ข้อมูลที่แท้จริงว่าน้ำมันรั่วไหลเท่าไหร่ ศักยภาพในการแก้ไขซึ่งต้องยืมเครื่องมือจากต่างประเทศ ยังขาดการบูรณาการ
ไม่มีแผนเฉพาะหน้าที่จะสกัดกั้นปัญหา ดังนั้น ปตท.ต้องมีความโปร่งใสในการแก้ปัญหา ในขณะที่รัฐบาลมัวแต่แก้ปัญหาทางการเมือง ไม่ใช้อำนาจในการบูรณาการเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน รัฐบาลต้องเป็นมืออาชีพไปบัญชาการที่ระยอง อย่าให้ ปตท.ทำเพราะเป็นผู้สร้างความเสียหายจะมีการปกปิดข้อมูลเพื่อปกป้องบริษัทเนื่องจากเกรงว่าจะถูกประชาชนฟ้องร้อง จึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องเข้าไปดูแล
ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวด้วยว่า สมาคมประมงพื้นบ้าน และเครือข่ายภาคประชาชน จะไปแจ้งความดำเนินคดีกับ ปตท.
และถ้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังปกปิด เหมือนกรณีเหมืองคริตตี้ที่กาญจนบุรี ประชาชนจะฟ้องข้าราชการในฐานะละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งศาลปกครองสูงสุดเคยพิพากษาให้กรมควบคุมมลพิษต้องชดเชยความเสียหายให้กับประชาชน และตนเองจะเป็นทนายความให้กับสมาคมประมงพื้นบ้าน และเครือข่ายประชาชน เพื่อฟ้อง ปตท.ต่อศาลปกครองและศาลแพ่งต่อไป
ทั้งนี้หากรัฐบาลมีความจริงใจต้องตั้งกองทุนขึ้นมาชดเชยความเสียหายที่จะต้องใช้เวลาฟื้นฟูหลายปี เพราะการท่องเที่ยวพังแล้ว นักท่องเที่ยวเช็คเอ๊าท์ ต้องใช้เวลาฟื้นฟูอย่างน้อย 6 เดือน