เมื่อสอบถามกลุ่มตัวอย่างชาวอีสานว่าในช่วงวันสำคัญทางศาสนา คือวันอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา
พุทธศาสนิกชนชาวอีสานวางแผนจะไปประกอบศาสนพิธีหรือไปทำบุญตามศาสนสถานหรือไม่ ผลสำรวจพบว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 73.6 วางแผนจะไป รองลงมาร้อยละ 16.8 ไม่ได้วางแผน/ไม่แน่ใจ โดยมีเพียงร้อยละ 9.6 ที่คาดว่าจะไม่ไป
นอกจากนี้ อีสานโพลได้สอบถามกลุ่มตัวอย่างว่า มีความศรัทธาต่อพระสงฆ์รูปใดในภาคอีสานมากที่สุด (ที่ยังมีชีวิตอยู่) กว่าร้อยละ 27.0 ของกลุ่มตัวอย่าง รู้สึกศรัทธาต่อพระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคุณ ปริสุทฺโธ แห่งวัดบ้านไร่ นอกจากนี้ยังมีพระที่มีชื่อเสียงรูปอื่นๆ ร้อยกว่ารูปที่ถูกเอ่ยถึง กระจายไปตามอำเภอต่างๆ ในภาคอีสาน แต่ก็มีกว่า ร้อยละ 32.8 ที่ไม่มีพระสงฆ์ที่ตนศรัทธาเป็นพิเศษ
เมื่อสอบถามพุทธศาสนิกชนชาวอีสานว่ามีความคิดเห็นอย่างไร เกี่ยวกับข่าวในแง่ลบที่เกิดกับวงการพระสงฆ์ในช่วงที่ผ่านมา
อาทิ ข่าวพระสงฆ์สะสมทรัพย์สมบัติหรูหราไว้เป็นจำนวนมาก พระสงฆ์เสพย์เมถุนกับสีกา และพระสงฆ์ดื่มสุรายาเสพย์ติด ส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 44.2 เห็นว่าข่าวดังกล่าวมีผลทำให้ความศรัทธาที่มีต่อพระสงฆ์โดยรวมลดลงบ้าง รองลงมาร้อยละ 41.5 เห็นว่าข่าวดังกล่าวมีผลทำให้ความศรัทธาที่มีต่อพระสงฆ์โดยรวมลดลงมาก โดยมีเพียงร้อยละ 14.3 ที่ยังคงศรัทธาต่อพระสงฆ์โดยรวมท่าเดิม
เกี่ยวกับกรณีนายวีรพล สุขผล หรืออดีตพระเณรคำ ที่มีข่าวฉาวจนถูกออกหมายจับในคดีฉ้อโกงประชาชน และกระทำชำเราเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี
จากการสำรวจพบว่า ส่วนใหญ่ร้อยละ 95.2 ทราบข่าวฉาวดังกล่าว มีเพียงร้อยละ 4.8 ที่ไม่ทราบข่าวเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว โดยส่วนใหญ่ร้อยละ 83.7 เชื่อว่าอดีตพระเณรคำกระทำการเข้าข่ายอาบัติปาราชิกและหมดสภาพความเป็นพระ รองลงมาร้อยละ 13.9 ไม่แน่ใจ โดยมีเพียงร้อยละ 2.4 ที่เชื่อว่าอดีตพระเณรคำไม่ได้เข้าข่ายปาราชิกและหมดสภาพความเป็นพระ
นอกจากนี้ อีสานโพลยังได้สอบถามพุทธศาสนิกชนชาวอีสานว่า มีข้อเสนออย่างไรต่อผู้ที่เกี่ยวข้อง ในการที่จะป้องกัน/ปราบปราม
การปฏิบัติไม่เหมาะสมของพระสงฆ์ รวมทั้งเป็นการจัดระเบียบพระสงฆ์และพระพุทธศาสนา โดยส่วนใหญ่ต้องการให้ผู้ที่เกี่ยวข้องรวมทั้งพุทธศาสนิกชน ร่วมกันตรวจสอบวัดและพระสงฆ์ให้มากขึ้น นอกจากนี้ยังเสนอให้มีการตรวจสอบหรือดูแลอย่างเคร่งครัดเกี่ยวกับการบริจาค และรายได้ของวัด เป็นต้น
"จากผลสำรวจจะเห็นว่า กลุ่มตัวอย่างที่เป็นพุทธศาสนิกชนชาวอีสานให้ความสำคัญกับวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา โดยวางแผนจะไปประกอบศาสนพิธีและทำบุญที่วัดในช่วงวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา สำหรับข่าวในแง่ลบเกี่ยวกับวงการพระสงฆ์ในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้พุทธศาสนิกชนมีความศรัทธาต่อพระสงฆ์ลดลง ส่วนกรณีอดีตพระเณรคำ พบว่าส่วนใหญ่เชื่อว่าการกระทำของเณรคำเข้าข่ายอาบัติปาราชิกและหมดสภาพความเป็นพระ สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่า วงการพระสงฆ์และพระพุทธศาสนาอาจต้องมีการเข้ามาตรวจสอบและดูแลอย่างจริงจังมากขึ้นโดยทุกภาคส่วน และพุทธศาสนิกชนที่ดีควรยึดถือพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นหลัก ไม่เชื่อต่อสิ่งที่งมงายเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกแสวงหาประโยชน์จากความเชื่อและพิธีกรรมต่างๆ จนทำให้วงการศาสนามัวหมอง" ดร.สุทิน กล่าวตอนท้าย