ศรีธัญญายันไม่ผิด ผลตรวจ ´เอฟริดีน´

"แจงตรวจไม่ผิด แต่มีโครงสร้างใกล้เคียงกัน"


เรื่องราวของ นพ.ประกิตเผ่า ทมทิตชงค์ เจ้าของสถาบันกวดวิชาแอพพลายด์ฟิสิกส์ กับสารเอฟริดีนในร่างกาย ที่ภายหลังมีการนำปัสสาวะของ นพ.ประกิตเผ่าไปตรวจซ้ำอีกครั้งแล้วไม่พบ ความคืบหน้าเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว ที่ รพ.ศรีธัญญา เมื่อเวลา 11.00 น. วานนี้ (19 มี.ค.) นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ผอ.รพ.ศรีธัญญา และ ศ.นพ.สมิง เก่าเจริญ ผู้เชี่ยวชาญด้านพิษวิทยา คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี เปิดแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีการตรวจพบสารสูโดเอฟริดีนในปัสสาวะของ นพ. ประกิตเผ่า ทมทิตชงค์ ไม่ใช่สารเอฟริดีนตามที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้

นพ.เกียรติภูมิระบุว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าว เรื่องการตรวจปัสสาวะของผู้ป่วยที่มีความสงสัยในเรื่องของสารเอฟริดีนและสูโดเอฟริดีนนั้น ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้คือ เมื่อผู้ป่วยเข้ามารักษาในโรงพยาบาลด้วยอาการผิดปกติทางจิต แพทย์ผู้รักษาได้ขอตรวจปัสสาวะ โดยส่งไปตรวจด้วยวิธี HPLC เป็นการตรวจทางห้องปฏิบัติการที่รพ.รามาธิบดี ผลการตรวจพบปัสสาวะของผู้ป่วย มีสารเอฟริดีนสูงกว่า 10 ไมโครกรัมต่อเดซิลิตร มากกว่าค่าของการรักษา ซึ่งปกติอยู่ที่ 0.04-0.08 ไมโครกรัมต่อเดซิลิตร โรงพยาบาลจึงรายงานผลให้ทราบตามผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการที่ตรวจพบ ไม่ได้เป็นการตรวจผิดพลาดแต่อย่างใด เป็นข้อเท็จจริงทางการแพทย์

ขณะที่ ศ.นพ.สมิงกล่าวเสริมว่า ปกติคนไข้ที่มีอาการผิดปกติทางจิต อาจได้รับสารหรือยาบางตัวที่มีผลต่อจิตประสาท ส่วนที่ตนเข้ามาเกี่ยวข้องในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านสารพิษ เห็นว่าคนไข้มีการกินยาแก้หวัด ลดอาการแน่นในจมูก จึงขอตรวจซ้ำอีกครั้ง เพราะโครงสร้างทางเคมีของเอฟริดีนกับสูโดเอฟริดีนมีความเหมือนกันมาก การตรวจด้วยวิธีปกติจะแยกจากกันได้ยาก การตรวจครั้งหลังใช้วิธีการตรวจตามมาตรฐานของโอลิมปิกสากล ที่สามารถแยกเอฟริดีนกับสูโดเอฟริดีนได้โดยเฉพาะ ผลตรวจก็เป็นสูโดเอฟริดีนตามที่ได้แจ้งให้ทราบไปแล้ว ไม่ได้เกี่ยวกับว่า รพ.ศรีธัญญา ตรวจผิดแต่อย่างใด

"มีผลต่อจิตประสาทหากใช้มากๆ"


ผู้สื่อข่าวถามว่า สูโดเอฟริดีนมีฤทธิ์ต่อจิตประสาทเหมือนเอฟริดีนหรือไม่ ศ.นพ.สมิงกล่าวว่า สูโดเอฟริดีน จริงๆแล้วมีผลต่อจิตประสาท หัวใจ และหลอดเลือด และสามารถเข้าสู่สมองได้ไม่ต่างกับเอฟริดีน หากกินต่อเนื่องในปริมาณมากๆ เป็นเวลานาน ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า เมื่อตรวจพบเป็นสารสูโดเอฟริดีนทำให้ประเด็นเรื่องของการหาที่มาของสารเอฟริดีนที่กองปราบปรามสืบสวนอยู่ตกไปหรือไม่ ศ.นพ.สมิงกล่าวว่า กองปราบปรามได้ ประสานขอข้อมูลมาแล้ว และแพทย์ก็ได้ส่งผลการตรวจตามข้อเท็จจริงให้ ขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าจะดำเนินการอย่างไร แต่ข้อเท็จจริงทางการแพทย์มีเท่านี้ คือเป็นสารสูโดเอฟริดีน ไม่ใช่เอฟริดีน

ด้าน พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร ผบก.ป. เปิดเผยว่า แม้ผลการตรวจสอบออกมาอย่างไรก็ตาม แต่ในเรื่องของการสืบสวนสอบสวนถือว่ายังไม่ได้ยุติลงไปด้วย เนื่องจากผลการตรวจพิสูจน์ทั้ง 2 ครั้ง มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ในส่วนนี้ กองปราบปรามจะมีหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐานในเชิงวิชาการให้ได้ชัดเจนที่สุดว่า ข้อเท็จจริงแล้วสารที่ตรวจพบนั้นเป็นสารอะไร ออกฤทธิ์กับร่างกาย หรือระบบประสาทส่วนไหน รวมทั้งผู้ใช้และผู้ครอบครองมีความผิดตามพระราชบัญญัติใดหรือไม่

"ปรากฏตัวหลังรักษาตัวนาน 2 สัปดาห์"


พล.ต.ต.วรศักดิ์กล่าวต่อว่า ผลการตรวจพิสูจน์ย่อมต้องมีผลต่อรูปคดีแน่นอน เพราะผู้เสียหายคือครอบครัวทมชิตชงค์ ได้เข้ามาร้องขอให้กองปราบปรามตรวจสอบหาที่มาของสารเอฟริดีนที่เป็นวัตถุที่อันตราย แต่ภายหลังมีข้อเท็จจริงปรากฏว่า สารที่พบไม่เป็นอันตรายตามที่มีการร้องขอให้ช่วยสืบสวน การสอบสวนอาจจะต้องยุติลง แต่คงไม่ใช่ในเวลานี้ เนื่องจากพนักงานสอบสวนต้องหาข้อพิสูจน์ให้ได้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายเสียก่อนว่า มีข้อเท็จจริงที่สามารถจะยืนยันเป็นหลักฐานได้ คดีถึงยุติ

ที่สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ วันเดียวกัน นพ. ประกิตเผ่า ทมทิตชงค์ ได้ปรากฏตัวให้บุคคลทั่วไปได้เห็นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ย้ายจาก รพ.ศรีธัญญา ไปพักรักษาตัวอยู่นานกว่า 2 สัปดาห์ ทั้งนี้ เจ้าของสถาบันกวดวิชาชื่อดังอยู่ในชุดผู้ป่วยของสถาบัน สวมเสื้อคอกลมสีฟ้าและกางเกงสามส่วนสีน้ำเงิน เดินลงจากตึกมัชฌิมา พร้อมบุรุษพยาบาลประจำตัว ไปนั่งอ่านหนังสือพ็อกเกตบุ๊กที่ศาลาริมน้ำ บริเวณสนามหญ้าหน้าตึก เป็นเวลานานกว่า 30 นาที ก่อนเดินกลับขึ้นตึกยังพูดคุยทักทายกับเจ้าหน้าที่อย่างอารมณ์ดี

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์