สมีคำจ้างทนายฮอลลีวู้ด ลูกศิษย์โวพร้อมสู้คดี

เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม นายสุขุม วงประสิทธิ ในฐานะประธานเครือข่ายบ้านวิมุตติธรรมและญาติธรรม ลูกศิษย์
 
นายวิรพล สุขผล หรือ อดีตหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ได้เดินทางมาที่วัดป่าดงน้ำคำ หมู่ที่ 8 ต.เบิด อ.รัตนบุรีจ.สุรินทร์ เพื่อเปิดแถลงข่าวโดยอ่านแถลงการณ์ว่าช่วงวันหยุดหลายวัน ขอโอกาสพักรบชั่วคราว แต่การพักรบ คือ การประกาศหยุดบิดเบือน สร้างหลักฐานเท็จ หยุดเอาเปรียบคู่ความ แต่ไม่ทราบว่าฝ่ายปกครองจะหยุดหรือไม่ แต่ตนขอหยุดพักรบ ในช่วงเข้าพรรษาสัก 4-5 วัน เมื่อถึงวันเปิดทำงานของทางราชการค่อยมาสู้กันโดยจะต่อสู้ด้วยหลักวิชาการด้านกฎหมาย ลักษณะพยานและมารยาททนายความซึ่งหากเป็นการปิดเบือนข่าว สร้างพยานหลักฐานอันเป็นเท็จก็เป็นการเอาเปรียบคู่ความ

และขอร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อ คณะกรรมาธิการการปกครอง
 
ตลอดจน ส.ส.ฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลทุกคนให้เฝ้าจับตามมองการทำงานของเจ้าหน้าที่ ดีเอสไอ ปปง.ปปส.และกองปราบปราบว่าต้องปฏิบัติหน้าที่ไปตามกำหนดและอย่าลัดขั้นตอนและขอฝากข้อความไปถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้อในคดีนี้ว่าขอให้เข้าพรรษานี้อยากให้ท่านได้เข้าวัด นั่งสมาธิเพื่อจะได้เกิดปัญญาแล้วเรามาสู้กันใหม่

นายสุขุม กล่าวว่าวันนี้ได้มาพบทนายความ ที่นัดพบกันเพื่อที่จะต่อสู้คดีให้กับนายวิรพลโดยมีทนายฝีมือดีเป็นที่รู้จักของสังคม 6 คน
 
ประกอบด้วย นายเสวก ทินกุล อดีต สสร.นครพนม นายสันติพงษ์ นิมิตดี นายสมพงษ์ โรหิตาภิรมย์ พ.ต.ต.สมพัฒน์ โรหิตภิรมย์และพ.ท.จักรกฤษณ์ เส็งชาซึ่งเป็นญาติธรรม ที่จะเข้ามาร่วมในทีมทนายความ อีกทั้ง ยังมีนายเลน เชลเมน ทนายความชื่อดังของฮอลลีวูดที่มีผลงานสร้างชื่อเสียงมากมาย จะมาร่วมเป็นทนายความให้ด้วย โดยจะดูแลเรื่องการเพิกถอนพาสปอร์ตและการส่งผู้ร้ายข้ามแดน

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าอดีตเณรคำจะกลับเข้าประเทศไทยวันไหน นายสุขุม ยืนยันว่า นายวิรพล จะเดินทางกลับประเทศไทยในวันที่31ก.ค.นี้แน่นอน ขณะนี้นายวิรพลยังอยู่ที่สหรัฐอเมริกา

ในวันดียวกัน เมื่อเวลา10.00น.พ.ต.ท.พงศ์อินทร์  อินทรขาว ผู้บังคับการ(ผบ.)สำนักคดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)

ได้เดินทางลงพื้นที่ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี ไปยังร้านประดับยนต์แสงเจริญ ซาวด์ แอนด์เทเลคอม เพื่อสอบปากคำ นายศุภราช วิริยพงศ์ หรือเสี่ยกัง เจ้าของร้านประดับยนต์ แสงเจริญฯที่ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.)อายัดทรัพย์ หลังสอบพบว่ามีส่วนทำธุรกรรมกับ นายวิรพล สุขผล หรืออดีตเณรคำมูลค่ากว่า30ล้านบาท เบื้องต้นเสี่ยกังให้การปฏิเสธและระบุว่าเป็นหนึ่งในผู้เสียหายที่ถูกหลอกให้ทำบุญกับอดีตเณรคำ จึงเข้าข่ายเป็นผู้เสียหายในข้อหาฉ้อโกงด้วย

จากนั้น เสี่ยกัง ชี้แจงว่า หลัง ปปง.อายัดรถจำนวน17คันเพื่อตรวจสอบเมื่อวันที่ 20 ก.ค.

ที่ผ่านมาทำให้ชื่อเสียงตนเองและครอบครัวรวมถึงธุรกิจเสียหายอย่างรุนแรงที่ตกเป็นจำเลยสังคมว่าเป็นผู้ร่วมขบวนการฟอกเงินกับอดีตเณรคำในช่วง 5ปี อดีตเณรคำให้จัดหารถยนต์ให้จำนวน 35คัน มูลค่ากว่า30ล้านบาท โดยรถยนต์ที่จัดหามาอดีตเณรคำนำไปมอบให้พระชั้นผู้ใหญ่ อดีตสื่อมวลชนลูกศิษย์คนสนิท ญาติเณรคำและนำไปใช้ในขบวนเดินทางซึ่งมีหลักฐานทุกอย่าง ส่วนถส่วนตัวที่ใช้ในครอบครัว17คันที่ปปง.อายัดก็มีหลักฐานการซื้ออย่างถูกต้อง

เสี่ยกังยืนยันว่าไม่ได้เป็นนอมินีครอบครองรถยนต์ให้อดีตพระเณรคำ เป็นเพียงคนจัดหารถยนต์เท่านั้น

โดยตนพร้อมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ทุกอย่างเพราะได้ตกเป็นผู้เสียหายที่ถูกอดีตเณรคำหลอกให้จ่ายซื้อไปก่อนแล้วจะมาผ่อนทีหลังโดยได้พยายามทวงถามขอเงินคืนกับเณรคำแต่ถูกบ่ายเบี่ยงเรื่อยมาตลอด ขณะนี้เณรคำยังค้างจ่ายค่างวดรถยนต์และหลอกให้โอนเงินรวมกว่า9ล้านบาท

นอกจากนี้ เสี่ยกัง ยังได้นำข้อความทวงเงินอดีตพระเณรคำมายืนยันความบริสุทธิ์ใจและเป็นครั้งแรกที่เสี่ยกังยอมเปิดเผยตัวและให้ข้อมูล ก่อนหน้าหน้านี้แอบเข้าให้ปากคำและ เมื่อวันที่ 21 ก.ค.ได้เข้าให้ปากคำกับปปง.เพิ่งค้นบ้านดูบัญชีการเงิน