ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า หลังจากที่มีภาพชายนุ่งห่มจีวรสีแดงคล้ายพระสงฆ์สายป่า
แสดงกิริยาท่าทางในภาพถ่ายภาพแบบไม่เหมาะสม ทั้งถือมีดดาบ นั่งไม่สำรวม ถ่ายภาพคู่ผู้หญิงซบไหล่ กระจายไปในโซเชียลเน็ตเวิร์ค โดยใช้ชื่อในเฟซบุ๊กว่า "รู้เขารู้เรา รบร้อยชนะร้อย" โดยผู้โพสต์ได้อ้างตัวว่า คือ พระสันติภาพ ซึ่งมีการแชร์ภาพออกไปอย่างต่อเนื่อง จนเป็นข่าวดังอยู่ในขณะนี้
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า พระสันติภาพ ตามชื่อที่ใช้ในเฟซบุ๊กนั้น จำวัดอยู่ที่วัดมีชื่อแห่งหนึ่ง ในพื้นที่เขต ต.พระบาท อ.เมือง จ.ลำปาง
จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบพระสันติภาพจำวัดอยู่ที่นี่จริง โดยนุ่งจีวรสีส้มเหมือนเช่นพระสงฆ์ทั่วไป ออกมาพบกับผู้สื่อข่าว โดยมีมัคทายกของวัดนั่งรับฟังด้วย จากการสอบถามทราบว่า พระสันติภาพ อายุเพียง 18 ปี ซึ่งตามจริงแล้วจะต้องเรียกคำนำหน้าว่า สามเณร โดยสามเณรสันติภาพ บอกว่าญาติโยมมักจะเรียกง่ายๆ ว่า พระสันติภาพ
สามเณรสันติภาพ (สงวนนามสกุล) เปิดเผยว่า ตนเองได้บวชเรียนตอนอายุประมาณ 14 ปีที่วัดใน อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ก่อนจะย้ายมาเรียนที่โรงเรียนวิสุทธิวิทยากร จ.ลำปาง เคยสึกออกไปแล้วครั้งหนึ่ง และกลับมาบวชใหม่ โดยจำวัดอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งใน ต.บ้านเสด็จ จากนั้นได้ย้ายมาอยู่วัดแห่งนี้ได้พักหนึ่งแล้ว
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงเฟซบุ๊กชื่อ “รู้เขารู้เรา รบร้อยชนะร้อย" ที่เป็นข่าวดังทั่วประเทศ เป็นของสามเณร จริงหรือไม่
และรูปภาพต่างๆ ใครเป็นคนโพสต์ สามเณรสันติภาพ กล่าวว่า เฟซบุ๊กดังกล่าวเป็นของเณรจริง โดยมีมาตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็กนักเรียน ซึ่งเป็นปกติของเด็กในปัจจุบันที่ต่างก็มีเฟซบุ๊กกันเกือบทุกคน ส่วนรูปภาพต่างๆ ที่ปรากฏในเฟซบุ๊กนั้น ยอมรับว่าบางภาพไม่สำรวม เป็นภาพที่ถ่ายเองและโพสต์ลงไปเอง ในสมัยที่บวชใหม่ๆ ก็มีเล่นสนุกตามประสาบ้าง เป็นความคึกคะนองตอนเด็ก อายุยังไม่บรรลุนิติภาวะ ก็เหมือนเด็กทั่วไป บางภาพก็ถ่ายตอนช่วงที่สึกจากการเป็นสามเณรแล้ว บางภาพก็มีเพื่อนและญาติโยมถ่ายไว้และนำมาโพสต์ไว้ และก็ได้มีการแชร์ต่อๆ กันไป เช่น ภาพที่ถือมีดดาบ โยมพี่ของเณรได้มีดดาบมา 2 เล่ม และนำมาให้เณรปลุกเสกให้ ตอนนั้นเป็นช่วงเย็นเณรจึงไม่ได้นุ่งจีวร ซึ่งภาพนั้นเป็นภาพที่โยมพี่ถ่ายไว้
สามเณรชี้แจงปมโชว์รูปเฟซบุ๊กฉาว ควงดาบ-กอดหญิง ระบุเป็นภาพเก่า
สามเณร สันติภาพ ยังได้ชี้แจงภาพกอดกับหญิงสาว ว่า ช่วงนั้นได้ย้ายมาจากบ้านเดิมมาอยู่ที่ จ.ลำปาง
โดยได้สึกจากการเป็นสามเณรแล้ว เป็นภาพที่โยมแม่ทายาและทาแป้งให้ จึงได้คว้าโทรศัพท์มาถ่ายเก็บไว้ ซึ่งโยมแม่เป็นพยานได้ เณรรู้ว่าทุกคนย่อมมีทั้งคนที่ชอบและคนที่ไม่ชอบ ถ้าใครได้ใกล้ชิดก็จะรู้ว่าเณรเคยได้ทำคุณงามความดีอะไรบ้าง ส่วนคนที่ไม่ชอบก็มีการพูดจาว่าร้าย ก็คงไปห้ามปากใครไม่ได้ ส่วนเรื่องเฟซบุ๊กเณรยอมรับว่าเป็นคนก่อ แต่คนที่ทำให้เป็นเรื่องคือคนที่นำไปเขียนต่อๆ กัน ซึ่งไม่มีความยุติธรรมกับเณร บางคนก็บอกว่าเป็นการปกป้องพุทธศาสนา แต่การนำภาพของเณรออกไปสู่สาธารณะชนโดยไม่สอบถามก่อน เป็นการทำลายพุทธศาสนามากกว่า หากมีการสอบถามกันจะได้พูดคุยชี้แจงกันได้ ก่อนที่เรื่องจะบานปลายขนาดนี้ เมื่อเรื่องเกิดมาทางสื่อ ก็อยากให้สื่อช่วยนำเสนอความจริงให้ด้วย ตอนนี้เณรได้ปิดเฟสบุ๊กไปแล้วเพราะไม่อยากให้มีการแชร์ต่อๆกันไปอีก
หลังจากนั้น เณรจึงได้ต่อสายโทรศัพท์ไปยังหญิงคนหนึ่ง ที่บอกว่าเป็นโยมแม่
โดยได้เปิดเสียงสนทนาให้ผู้สื่อข่าวได้ฟังด้วย ซึ่งเณรได้พูดคุยว่ามีผู้สื่อข่าวอยากรู้ความจริงเกี่ยวกับรูปภาพที่เณรถ่ายกับผู้หญิง ในข่าวบอกว่าแต่งกายคล้ายกับนักศึกษา ซึ่งทางปลายบอกว่า แม่จำภาพนั้นได้ แม่ไม่ได้ใส่เสื้อสีขาวคอกลมนี่ เสื้อไม่ได้มีปก จะเหมือนนักศึกษาได้อย่างไร จากนั้นปลายสายก็ต้องเอ่ยเรื่องที่ทำให้ สามเณรสันติภาพ ต้องตกใจคือ อุ๊ย(แม่ของยาย) ป่วยหนักถึงกลับต้องเข้าโรงพยาบาลอยู่ในห้องฉุกเฉิน หลังทราบข่าวที่ไม่ดีเกิดขึ้นกับตัวสามเณร ซึ่งทางแม่ของสามเณรกล่าวว่าจะต้องเดินทางกลับบ้านไปเยี่ยมด่วน ส่วนตัวสามเณรได้บอกด้วยว่าจะตามไปที่โรงพยาบาลด้วย จึงได้วางสายไป
สามเณรสันติภาพ กล่าวว่า หลังเกิดเรื่องเจ้าคณะตำบลได้ถามเณรว่าจะย้ายออกจากวัดหรือไม่ หรือจะสึกจากการเป็นสามเณร
เณรตอบเลยว่าไม่เคยคิดจะสึก แต่หากต้องย้ายเพราะเกี่ยวกับความมั่นคงของพระเถระ และชื่อเสียงของวัด เณรยินดีที่จะทำให้ เพราะเห็นใจท่าน แต่ท่านบอกว่าไม่ต้องคิดมาก หากสามารถล้างมลทินในเรื่องนี้ได้ก็อาจจะจำวัดอยู่ที่นี่ต่อไป ในช่วงนี้เจ้าคณะตำบลก็บอกให้เณรอยู่ช่วยรับเทียนพรรษาก่อน เพราะใกล้จะเข้าพรรษาแล้ว
ต่อมาเวลาประมาณ 17.00 น. นายอุบลพันธ์ ขันผนึก ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดลำปาง
พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่ง ได้เดินทางไปพบกับสามเณร สันติภาพ พบว่าที่บริเวณห้องโถงภายในวัด มีชาวบ้านจำนวนหนึ่งได้นั่งฟังการสนทนาระหว่างที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดลำปาง ที่กำลังนั่งสอบถามสารเณรสันติภาพ เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึง ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดลำปาง จึงขอตัวกลับและให้เจ้าหน้าที่ได้ทำการสอบถามเณรรูปดังกล่าว
จากการตรวจสอบ ทราบว่า สามเณรสันติภาพ มีชื่อปรากฏในหนังสือสุทธิ ฉายา สณ.สันติภาพ ยี่ปัญโญ สังกัดมหานิกาย
โดยหนังสือดังกล่าวออกเมื่อปี 2550 และเมื่อตรวจสอบก็พบว่าหนังสือสุทธิซึ่งเป็นหนังสือที่แสดงถึงสถานะเพศไม่มีพระอุปัชฌาย์ ข้อความในหนังสือสามเณรสันติภาพเป็นผู้เขียนเองทั้งหมด ไม่มีตราประทับแต่อย่างใด โดยสามเณร สันติภาพ ได้บอกว่า เคยสึกออกไปแล้วครั้งหนึ่ง และกลับมาบวชใหม่ เมื่อปี 2553 ที่วัดสวนดอก อ.เมือง จ.ลำปาง ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดลำปาง จึงได้ให้สามเณรสันติภาพไปให้พระผู้อุปัชฌาย์ ซึ่งสามเณรอ้างว่าเจ้าอาวาสวัดสวนดอกเป็นผู้อุปัชฌาย์ให้ เซ็นรับรองก่อน หากไม่มีพระอุปัชฌาย์ก็จะถือว่าสามเณรสันติภาพแต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์ต้องนำตัวไปสึกทันที