ทางด้านพระครูธรรมธรคำไข คณะทำงานสอบสวนอธิกรณ์พระวิรพล เปิดเผยว่า คณะสงฆ์ศรีสะเกษจะได้แจ้งให้พระที่อยู่ที่วัดป่าขันติธรรม ได้รายงานตัวว่า เป็นพระมาจากที่ใด และบวชที่วัดใด เพื่อตรวจสอบความถูกต้อง จากนั้น จะได้มีการแต่งตั้งประธานสงฆ์รูปใหม่ เพื่อควบคุมดูแลภายในวัดป่าขันติธรรม โดยจะตั้งจากพระในวัดที่มีความเหมาะสม และหากว่าไม่มีพระที่เหมาะสม คณะสงฆ์ศรีสะเกษก็จะพิจารณาจากพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบในเขตพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ เข้าไปดูแลวัดป่าขันติธรรม และในวันนี้ เลขานุการคณะ กรรมการสอบสวนอธิกรณ์พระวิรพล จะนำเอาหนังสือ รวมทั้ง มติของคณะกรรมการสอบสวนที่ให้พระวิรพลอาบัติปาราชิกไปให้พระครูวิสุทธิญาณ เจ้าคณะ จ.ศรีสะเกษ ฝ่ายธรรมยุต ได้ลงนาม เพื่อจะได้รายงานผลให้พระผู้ใหญ่ได้รับทราบ เพื่อโปรดพิจารณาตามลำดับต่อไป
สำหรับบรรยากาศการซื้อขายวัตถุมงคลของอดีตพระเณรคำ ฉัตติโก หลังเกิดข่าวปรากฏส่งผลกระทบต่อวงการซื้อขายวัตถุบูชาที่ลูกศิษย์ของพระเณรคำสร้างขึ้น โดยนายบัญชา วิทยา เจ้าของแผงพระในจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นผู้สร้างเหรียญรุ่นแรกเมื่อปี 2544 ขณะพระเณรคำมีอายุได้เพียง 23 ปี ระบุว่า มีการผลิตเหรียญรุ่นแรกออกมาถึง 2 หมื่นเหรียญ ราคาต้นทุนเหรียญละ 2 บาท แต่ทางวัดวางจำหน่ายราคาเหรียญละ 5,000 บาท
แต่สำหรับแผงของตนจำหน่ายเพียงราคา 1-2 พันบาท แต่ปัจจุบันแผงพระในจังหวัดอุบลราชธานี ไม่รับซื้อขายเหรียญหรือวัตถุมงคลของพระเณรคำทุกรุ่นแล้ว เพราะไม่มีราคา สำหรับเหรียญบางรุ่นที่มีราคาแพงเป็นหลักหมื่นหลักแสน เพราะสร้างด้วยเนื้อทองคำแท้ ทำให้ราคาสูง บรรดาผู้ที่ยังศรัทธาก็จะเก็บไว้ แต่ในตลาดพระไม่มีการซื้อขายแล้ว
ด้านนายสุทิน ยิ่งสนองชาติ ประธานชมรมพระเครื่อง 20 จังหวัดภาคอีสานกล่าวถึงการซื้อขายวัตถุมงคลของพระเณรคำในภาคอีสาน มีคนซื้อขายกันน้อย เพราะความจริงไม่ได้โด่งดังเป็นที่ศรัทธาของคนทั่วไป จะมีวางขายจำนวนมากในวัดของพระเณรคำ ส่วนแผงขายพระในภาคอีสาน จะเป็นลักษณะซื้อมาแล้วขายไป และมีการตั้งราคาซื้อขายต่ำกว่าราคาที่ประกาศไว้มาก
สำหรับขณะนี้แผงพระที่มีเหรียญพระเณรคำ ก็ต้องนำออกจากแผง เพราะคนไม่ซื้อหาแล้ว ส่วนจะเอาไปทิ้งหรือไม่ก็แล้วแต่ผู้ที่ครอบครองไว้
วันเดียวกัน หญิงสาวพร้อมบุตรชายวัย 11 ขวบ ที่อ้างว่าเป็นบุตรที่เกิดกับอดีตพระวิรพล ฉัตติโก หรือ เณรคำ พร้อมด้วยยายและกำนันตำบลโพธิ์ อำเภอเมือง ศรีสะเกษ เข้าพบนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีข้อหาล่วงละเมิดทางเพศ เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี และข้อหาพรากผู้เยาว์ กับอดีตพระวิรพล ซึ่งอธิบดีดีเอสไอ ระบุว่าเจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี และศรีสะเกษ ได้ขับอดีตพระวิรพล พ้นจากความเป็นสงฆ์แล้ว ดีเอสไอจึง สามารถดำเนินคดีได้ทันที
นายธาริต กล่าวว่า ภายหลังการสอบปากคำพยาน 3 ปาก พบว่ามีความสอดคล้องกับพยานหลักฐานที่ดีเอสไอมี ว่าเณรคำทำการล่วงละเมิดทางเพศกับเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 15 ปีจริง โดยหลังจากนี้ ทางดีเอสไอจะส่งเรื่องให้สำนักพระพุทธศาสนา ทำการเพิกถอนหนังสือเดินทางของเณรคำ พร้อมประสานสหรัฐอเมริกาในการยกเลิกหนังสือเดินทาง เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ และในวันพรุ่งนี้จะมีการประชุมคณะพนักงานสอบสวนเพื่อพิจารณาออกหมายจับเณรคำต่อไป
“ส่วนกรณีเรื่องรถยนต์หรูที่หลีกเลี่ยงภาษีศุลกากรของเณรคำนั้น ล่าสุดดีเอสไอพบข้อมูลว่ามีมากกว่า 70 คันแล้ว ซึ่งในสัปดาห์นี้จะมีการลงพื้นที่ตรวจสอบเรื่องดังกล่าว พร้อมกับจะมีการดำเนินคดีทางแพ่งกับเณรคำ โดยส่งเรื่องให้กับศาลเด็กและเยาวชนจังหวัดศรีสะเกษ เพื่อบังคับให้พ่อและแม่ของเณรคำยอมพิสูจน์ดีเอ็นเอ เนื่องจากทางอาญาไม่สามารถดำเนินการได้ ส่วนเรื่องที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดนั้น ผมได้ประสานกับ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เลขาธิการ ป.ป.ส. ตลอด ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบทรัพย์สิน ที่ดิน รถยนต์ แต่ยังมาสามารถเปิดเผยรายละเอียดไปได้มาก ซึ่งในวันพรุ่งนี้ จะได้เรียกประชุมคณะทำงานสวบสวนคดีเณรคำ อีกครั้งหนึ่ง”