อลิสา มอบหมายทนายยื่นฟ้อง เปมิกา ข้อหาเป็นชู้แล้ว
เรียกค่าเสียหาย 12 ล้าน
ทำให้โจทก์และบุตรทุกข์ทรมานอีก 10 ล้าน
ทำให้เสียชื่อเสียงอีก 5 ล้าน
รวมเป็น 27 ล้าน
เรียกค่าเสียหาย 12 ล้าน
ทำให้โจทก์และบุตรทุกข์ทรมานอีก 10 ล้าน
ทำให้เสียชื่อเสียงอีก 5 ล้าน
รวมเป็น 27 ล้าน
พาดพิงถึงโจทก์ว่า "หมอเผ่ามีปัญหากับครอบครัว ภรรยาไม่ดูแลเอาแต่เงิน" อลิสาระบุกำลังตรวจสอบเงิน 20-30 ล้านที่หมอเผ่าโอนให้เปมิกา รวมทั้งเก๋งคัมรี่ด้วย เพราะโอนให้ในช่วงที่หมอเผ่าป่วยทางจิตแล้ว หมอประกิตพันธ์ยันต้องฟ้องร้องเอาสมบัติคืนให้หมด แพทย์ระบุหมอเผ่าอาการดีขึ้น หลังลูก 2 คนเข้าเยี่ยมอาการ ทำให้มีกำลังใจ สดชื่น ทานอาหารได้
เพื่อนสนิทของน.พ.ประกิตเผ่า ทมทิตชงค์ เจ้าของสถาบันกวดวิชาชื่อดัง "แอพพลายด์ฟิสิกส์" ยื่นคำร้องต่อศาลให้ไต่สวนฉุกเฉินเพื่อให้มีคำสั่งปล่อยตัวน.พ.ประกิตเผ่าออกจากโรงพยาบาล
นำโดยรศ.เพลินจิต น.พ.ประกิตพันธ์ และนางอลิสา มารดา พี่ชาย และภรรยาของน.พ.ประกิตเผ่า แจ้งความกองปราบฯให้สืบสวนหาต้นตอสารเอฟริดรีนที่พบในตัวน.พ.ประกิตเผ่าและเชื่อว่าเป็นสาเหตุให้มีอาการทางจิต อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 12 มี.ค. ศาลไต่สวนพยานทั้งหมดแล้วมีคำสั่งยกคำร้องของน.ส.เปมิกา เนื่องจากเห็นว่าน.พ.ประกิตเผ่าป่วยทางจิตจริง และให้เป็นสิทธิ์ของครอบครัวทมทิตชงค์เป็นผู้รับผิดชอบดูแลตัวน.พ.ประกิตเผ่า ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
เมื่อวันที่ 13 มี.ค. ที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง นายทองหลาง แพงศรีละคร ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากนางอลิสา ภรรยาน.พ.ประกิตเผ่า เข้ายื่นฟ้องน.ส.เปมิกา ต่อศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ในฐานความผิดเป็นมูลละเมิดค่าทดแทนจากหญิงอื่นที่แสดงตนทำนองชู้สาว โดยเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 27 ล้านบาท
โจทก์เป็นภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายของ น.พ.ประกิจเผ่า โดยอยู่กินฉันสามีภรรยาตั้งแต่ปี 2537 มีบุตรด้วยกัน 2 คน โจทก์กับสามีและครอบครัวของสามีได้ทำกิจการโรงเรียนกวดวิชาร่วมกัน ใช้ชื่อว่า "สถาบันกวดวิชา แอพพลายด์ฟิสิกส์" เดิมชื่อ "โรงเรียนกวดวิชาฟิสิกส์ อาจารย์ช่วง" จนเป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับในความเป็นเลิศทางวิชาการ
โจทก์สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท และมีประสบการณ์ในการทำงาน ได้ลาออกจากงานที่มั่นคงเพื่อมาร่วมทำกิจการสถาบันกวดวิชากับครอบครัว จำเลยได้มีความสัมพันธ์กับสามีโจทก์ในทำนองชู้สาว ทำให้เสียหายแก่โจทก์ บุตร คนในครอบครัวและกิจการที่โจทก์ทำอยู่ รวมทั้งเสียหายต่อสุขภาพจิต อันเป็นความเสียหายแก่อนามัยของโจทก์และบุตรทั้งสอง
ต่อมาประมาณกลางปี 2549 จำเลยได้เข้ามาตีสนิทกับสามี จนกระทั่งต้นปี 2550 จำเลยได้บังอาจแสดงตนโดยเปิดเผยต่อสาธารณชนและบุคคลทั่วไปเพื่อแสดงว่ามีความสัมพันธ์กับสามีโจทก์ในทำนองชู้สาว ทั้งยังแจ้งความเท็จต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า มารดา และพี่ชายของสามีโจทก์ นำสามีโจทก์ไปรักษาพยาบาลอาการป่วยทางโรคจิตเวชที่ร.พ.ศรีธัญญาว่าเป็นการสมคบร่วมกันนำตัวสามีโจทก์ไปคุมขังโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ทั้งๆ ที่ความจริงแล้ว สามีโจทก์ป่วยทางโรคจิตเวช แต่จำเลยมุ่งที่จะเอาตัวสามีโจทก์มาอยู่กับจำเลย ในฐานะสามีจำเลย อันเป็นการใช้สิทธิที่มีแต่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์
นอกจากนี้ยังให้ข่าวต่อสื่อมวลชน โดยกล่าวชัดเจน เปิดเผยความสัมพันธ์ในทำนองชู้สาว ระหว่างจำเลยกับสามีโจทก์อีกหลายครั้ง สรุปได้ว่า "สามีโจทก์มีปัญหากับครอบครัว ภรรยาไม่ดูแลเอาแต่เงิน มีปัญหาทะเลาะกันตลอด" อันไม่เป็นความจริงตามที่จำเลยได้อ้าง การกระทำของจำเลยตามฟ้อง เห็นว่าจำเลยได้มีความสัมพันธ์กับสามีโจทก์ในทำนองชู้สาว และจำเลยได้แสดงตนโดยชัดเจน ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายต่อความสัมพันธ์อันดี และการอยู่กินฉันสามีภรรยาระหว่างโจทก์กับสามีโจทก์ และบุตรทั้งสองของโจทก์ ซึ่งยังเป็นผู้เยาว์และกำลังศึกษาอยู่
ขอคิดค่าทดแทนจากการที่จำเลยมีความสัมพันธ์กับสามีโจทก์โดยเปิดเผยในทำนองชู้สาวเป็นเงิน 12 ล้านบาท
ความเสียหายจากการที่จำเลยได้ทำให้โจทก์และบุตรของโจทก์ต้องทุกข์ระทมตรมใจอย่างแสนสาหัส เป็นเงิน 10 ล้านบาท
และค่าเสียหายเกี่ยวกับเกียรติยศ ชื่อเสียงวงศ์ตระกูล และทางทำมาหากินได้ โจทก์ต้องถูกตำหนิ ติฉินนินทาจากสังคมที่ไม่รู้ซึ้งถึงความจริงอีก 5 ล้านบาท
รวมค่าเสียหายเป็นเงิน 27 ล้านบาท
โดยขอคิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันฟ้องเป็นต้นไป ศาลนัดพร้อมคู่ความวันที่ 22 พ.ค.2550 เวลา 09.00 น.
นายทองหลางกล่าวว่า จากพยานหลักฐานที่มีจะทำให้ศาลเชื่อว่าน.ส.เปมิกากระทำผิดตามฟ้องจริง แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดของหลักฐานในตอนนี้ และมองว่าการเรียกค่าเสียหาย 27 ล้านบาทไม่สูงเกินไปเมื่อเทียบกับความรู้สึกที่ต้องสูญเสียของครอบครัวทมทิตชงค์
แต่เท่าที่พูดคุยกับรศ.เพลินจิต มารดาของน.พ.ประกิตเผ่า และนางอลิสา ภรรยา บอกว่าที่ต้องยื่นฟ้อง เนื่องจากต้องการให้น.ส.เปมิกาสำนึกผิดและรู้สึกตัวว่าได้ทำความเสียหายและทำให้ครอบครัวทมทิตชงค์เสื่อมเสียอย่างไรบ้าง ส่วนการฟ้องร้องในคดีอาญา และฟ้องแพ่งฐานละเมิดนั้นอยู่ระหว่างการพิจารณา
นายทองหลางกล่าวว่า เรื่องนี้นางอลิสา ได้แจ้งความต่อพนักงานสอบสวนกองปราบปรามไว้แล้วว่า ได้มีทรัพย์สินสูญหายไปเป็นจำนวนเงินตัวเลขหลายสิบล้าน ที่ผ่านมาคุณแม่กับภรรยาน.พ.ประกิตเผ่าก็ได้รับทราบถึงการสูญเสียส่วนนี้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหากน.ส.เปมิกาออกมายอมรับและแสดงความสำนึกผิด ทางคุณแม่กับภรรยาก็อาจจะให้อภัย
เหตุที่ต้องสู้กับความไม่เป็นธรรมที่น.ส.เปมิกาก่อไว้ก็เป็นการสู้เพื่อลูก ไม่ใช่เพราะเป็นตัวเงิน
นายทองหลางกล่าวว่า ในขณะนี้คงไม่ เพราะยังไม่ทราบนโยบายของลูกความ เอาเป็นว่าวันที่ 22 พ.ค.นี้ ทางฝ่ายตนจะยื่นบัญชีระบุพยานบุคคล พยานเอกสาร พยานวัตถุกว่า 100 รายการ ส่วนจะเอาน.พ.ประกิตเผ่ามาเบิกความเป็นประโยชน์ฝ่ายตนนั้นเห็นว่าเท่าที่สังเกตดูน.พ.ประกิตเผ่ายังมีอาการยังไม่หายดีภายในเดือนพ.ค.นี้ ดังนั้นเราจะไม่ทำการใดๆอันเป็นการกระตุ้นให้อาการป่วยเจ็บกลับกำเริบขึ้นมาอีก
วันเดียวกัน นางอลิสา ให้สัมภาษณ์ "เรื่องเล่าเช้านี้" ทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ว่า ได้มอบหมายให้ทนายความเดินทางไปยื่นฟ้องน.ส.เปมิกาต่อศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ฐานละเมิดเรียกค่าเสียหายประมาณ 200 ล้านบาทจากการประพฤติตนโดยเปิดเผยในทำนองชู้สาวกับสามีของบุคคลอื่น เนื่องจากเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้เกิดความเสียหายแก่ครอบครัวเป็นอย่างมาก โดยการฟ้องร้อง 200 ล้านบาทเกิดจากความสูญเสียชื่อเสียง เพราะน.ส.เปมิกาพูดเยอะมากในเรื่องของสามี และชื่อเสียงของโรงเรียนที่คุณพ่อคุณแม่สร้างมาตลอด 20-30 ปีต้องมาเสียหายภายในวันเดียว ที่สำคัญจิตใจของลูกๆ
อยากให้สังคมรับรู้ข้อเท็จจริงว่าเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัว ขอความกรุณาอยากให้ทุกคนมองว่าหลังจากน.พ.ประกิตเผ่าเป็นแบบนี้แล้ว หากกลับเข้าสังคมจะอยู่ในสังคมอย่างไร ขอให้เห็นใจ อย่ามองเป็นตัวตลก เชื่อว่าคงไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้กับครอบครัว ทั้งนี้ ทีมแพทย์ยืนยันว่าหากไม่มีการกระตุ้นหรือใส่ความคิดที่ไม่ดี น.พ.ประกิตเผ่าจะหายจากอาการดังกล่าวแน่นอน และตนจะต้องเข้ามาดูแลจิตใจน.พ.ประกิตเผ่า เมื่อตื่นขึ้นมาและอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง รวมทั้งทราบเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้น อยากให้ทุกคนเห็นใจด้วย
นางอลิสากล่าวถึงการตรวจสอบเส้นทางการโอนเงินจากน.พ.ประกิตเผ่าไปให้น.ส.เปมิกา ว่า ตอนนี้กำลังตรวจสอบอยู่ มีการโอนเงินออกจากบัญชีน.พ.ประกิตเผ่าจริง จำนวนเงินนั้นก็ตามที่น.พ.ประกิตพันธ์ให้ข่าวไปก่อนหน้านี้คือ 20-30 ล้านบาท ส่วนจะเป็นการโอนเงินในคราวเดียวกันหรือไม่ ต้องขอตรวจสอบก่อน
นางอลิสากล่าวว่า มีการไปซื้อรถยนต์จริง มีการโอนทะเบียน โอนรถกันประมาณเดือนม.ค.2550 แต่ตนเชื่อว่าเป็นการหลอกลวง และใช้จิตวิทยาหมู่ เนื่องจากตอนเกิดเรื่องศาลได้แจ้งแล้วว่าอาการป่วยของน.พ.ประกิตเผ่าย้อนหลังไป 4 เดือน
เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นการวางแผนเพื่อต้องการเข้ามายึดผลประโยชน์ของครอบครัว และตนก็ทราบเส้นทางเงินแล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบเพื่อให้ชัดเจน โดยยืนยันว่าจะดำเนินการฟ้องร้องเพื่อเอาทรัพย์สินทั้งหมดกลับคืนมาแน่นอน
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
© 2567 บริษัท ที่นี่มีเดีย จำกัด เข้าหน้าแรก Teenee.com
Youtube : teeneedotcom Line id : teeneedotcom Facebook id : teeneedotcom instagram : @teeneedotcom Twitter : teeneecom ติดต่อเรา