นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
ได้เรียกประชุมผู้บริหารกระทรวงพลังงาน ผู้บริหารการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และตัวแทนคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) หรือเรกูเลเตอร์ ที่กระทรวงพลังงาน เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม เพื่อหาสาเหตุไฟฟ้าดับเป็นวงกว้างใน 14 จังหวัดภาคใต้ ตั้งแต่เวลา 18.52 น. วันที่ 21 พฤษภาคมที่ผ่านมา กระทั่งเวลา 23.45 น. จึงสามารถจ่ายไฟฟ้าได้ครบทุกพื้นที่ รวมเวลาที่ไฟฟ้าดับ 4.53 ชั่วโมง
นายพงษ์ศักดิ์กล่าวว่า สาเหตุหลักมาจากสายส่ง จึงให้นโยบายเรื่องการขยายสายส่งทั่วประเทศ
จากปัจจุบันสายส่งที่จ่ายไฟฟ้ามีหลายขนาด อาทิ สายส่งบางสะพาน (ประจวบคีรีขันธ์) ไปหาดใหญ่ (สงขลา) ขนาด 500 กิโลโวลต์ สายส่งขนอม (นครศรีธรรมราช) ไปภูเก็ตเพียง 115 กิโลโวลต์ ดังนั้น จึงต้องการให้ขยายให้มีขนาดเดียวกันทั่วประเทศ ซึ่งจากการตรวจสอบสายส่งทั่วประเทศพบว่ามี 2 พื้นที่น่าห่วงเรื่องสายส่งเต็มกำลังคือ กรุงเทพฯและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
"ได้มอบนโยบายเรื่องการทบทวนการทำงานโดยศึกษาจากเหตุการณ์ครั้งนี้ เพราะระบบการหยุดจ่ายไฟครั้งนี้ควบคุมโดยระบบคอมพิวเตอร์ ดังนั้น จึงให้พิจารณาร่วมกับเรกูเลเตอร์ว่าจะสามารถมอบอำนาจตามกฎหมายให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นผู้มีอำนาจควบคุมหรือไม่ เพราะหากเป็นบุคคลควบคุมจะทำให้การดับไฟสามารถระบุหรือเลือกพื้นที่ดับไฟได้" นายพงษ์ศักดิ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นได้พิจารณาหรือไม่ว่าใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ นายพงษ์ศักดิ์กล่าวสั้นๆ ว่า
"คงต้องให้ฟ้ารับผิดชอบ เพราะเกิดจากฟ้าผ่า" เมื่อถามถึงแนวทางเยียวยาประชาชนในพื้นที่ นายพงษ์ศักดิ์กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของเรกูเลเตอร์ที่จะสอบสวนถึงสาเหตุและพิจารณาเยียวยาต่อไป
เมื่อถามว่า เหตุการณ์ครั้งนี้จะทำให้กระทรวงพลังงานต้องเร่งเดินหน้าสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่มในพื้นที่ภาคใต้หรือไม่
นายพงษ์ศักดิ์กล่าวว่า มันคนละเรื่องกัน อยากให้แยกเรื่องการสร้างโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ในพื้นที่ภาคใต้ออกจากปัญหาครั้งนี้ เพราะไม่อยากให้ประชาชนเข้าใจว่าเป็นการใช้โอกาสนี้ผลักดัน ดังนั้นจะไม่ขอพูดเรื่องการสร้างโรงไฟฟ้า เพราะการสร้างโรงไฟฟ้าต้องมาจากการยอมรับของประชาชน ถือเป็นความจำเป็นของคนในพื้นที่ แต่หากไม่ยอมรับ กฟผ.ต้องหาแนวทางอื่น เช่น ซื้อไฟฟ้าจากต่างประเทศ