ปลอดประสพ แจงแต่งชุดพญาเม็งราย เล่นละคร

วันนี้( 14 พ.ค.) ที่วัดอีก้าง โบราณสถานเวียงกุมกาม ท่าวังตาล อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี

เดินทางไปเป็นประธานในการทำพิธีบวงสรวงเทวดา ก่อนที่จะมีการเตรียมจัดแสดงแสง สี เสียง เพื่อต้อนรับผู้เข้าร่วมประชุมน้ำแห่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกครั้งที่ 2 ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา โดยมีพ่อหนาน ศรีเลา เกษพรหม เป็นผู้ทำพิธีกรรมทางศาสนา จากนั้นก็ได้มีการจุดธูปเทียนบูชา และแสดงฟ้อนรำถวายเทวดา เพื่อให้การจัดงานเป็นไปด้วยความราบรื่น โดยมีข้าราช หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรื่องการจัดงานเข้าร่วมในพิธีบวงสรวงครั้งนี้ด้วย

ดร.ปลอดประสพ เปิดเผยว่า จากกระแสข่าวที่ออกไปเรื่องของการห้ามม็อบนั้น ได้ทราบแล้วซึ่งมีทั้งเสียงด่า และเสียงเชียร์ แต่เสียงเชียร์จะมากกว่าเสียงด่า  การประชุมนี้จริงๆ เขาวางแผนมาตั้งแต่ก่อนน้ำท่วม ครั้งนั้นเขามองเรื่องโลกร้อน หิมะละลาย น้ำท่วมโลก เกาะแก่งจะหมด เขาจะหาน้ำให้ชาวเกาะแก่งกิน

ดังนั้นจะเห็นว่านายกรัฐมนตรี ประธานาธิบดีประเทศเกาะมาเยอะ หัวข้อจึงเป็น "Water Security" คือการหาน้ำ
 
ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับผู้ที่จะมาประท้วงครั้งนี้เลย น้ำท่วมเราก็มีการประชุมหลายครั้ง เพราะภาวะโลกร้อนนี้มันไม่ใช้น้ำทะเลท่วม แต่น้ำจืดมันก็ท่วม ก็มีความพยายามที่จะทำความเข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น จะช่วยเหลือกันอย่างไรเมื่อยามทุกข์ ก็ต้องเอาผู้นำมา เพราะฉะนั้นการประชุมครั้งนี้มันเป็นคุณกับทุกข์ชาติ มันเป็นความพยายามที่จะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มันไม่ต้องการความขัดแย้งใดๆ ทั้งสิ้น

แล้วภาพที่ออกไปเป็นท่าชี้ และใส่ชุด ทำท่าเหมือนเย้ยฟ้าท้าดินตามข่าวที่ออกไปนั้นไม่มี ผมจะชี้อะไรมันเป็นเรื่องของผม
 
ซึ่งเรื่องการใส่ชุดเหมือนเจ้าทางเหนือนั้น ที่จริงแล้วเป็นชุดของทางนาฏศิลป์ เขามาให้ผมลองแต่ง แล้วก็ไม่ใช่ชุดพญาเม็งราย เล่นละครที่นี่เคยเล่นมาเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ครั้งนี้ถวายประธานาธิบดีบูรไน ประธานาธิบดี 5 คน นายกอีก 5 คน เล่นบทเหมือนเดิมไม่มีแต่งบทใหม่ แล้วก็ไม่มีหรอกครับถ้าฟ้าท้าดิน มีแต่สร้างบ้านเมืองประเทศไทย ที่มาที่นี่มีเหตุผลสองอย่าง เรื่องหนึ่งเป็นเรื่องของประวัติของเมืองเชียงใหม่ เรื่องที่สองเป็นเรื่องการสอนให้รู้ว่า น้ำนี้เราบริหารจัดการให้ดีก็เป็นคุณ ถ้าบริหารจัดการไม่ดีก็หายนะ เมืองเวียงกุมกามนี้ พ่อขุนเม็งรายไปใช้การศึกษาที่ได้มาจากลำพูน หรือเมืองหริภุญชัยในสมัยนั้น คือสร้างคูน้ำรอบเมือง แต่ท่านนอกจากสร้างคูน้ำรอบเมืองแล้วก็ได้เชื่อมคูน้ำกับแม่น้ำปิง บังเอิญมีอยู่ปีหนึ่งแม่น้ำปิงก็ท่วมใหญ่น้ำก็เลยทะลักเข้ามาในคูที่ขุดแล้วก็ท่วมกลบเมือง เอาขี้โคลนมา เมืองก็สูญสลายไปเป็นเวลากว่า 800 ปี เพราะฉะนั้นที่เลือกที่นี่ ไม่เพียงแต่บอกประวัติเมืองเชียงใหม่ ยังบอกให้เห็นคุณค่าและแนวคิดของการบริหารจัดการน้ำที่เป็นการประชุมที่นี่

"เรื่องฝนตก ตามประเพณีความเชื่อว่าจะปลูกตะไคร้เพื่อไม่ให้ฝนตกไหม จะซื้อให้หมดเลย และครั้งนี้เอาข่าวใหม่ดีกว่า ผมกำลังรอนักข่าวเยอะๆ ผมดูแลกระทรวงทรัพย์ฯ ดูแลกรมป่าไม้และอุทยานฯ ให้เพาะต้นงิ้วเป็นการใหญ่ เพราะงิ้วนี่ขาดตลาด ซึ่งยมบาลได้อีเมลล์มาหาผม บอกว่าคนชั่วมันเยอะ ต้นงิ้วไม่พอในนรก ปกติงิ้วจะใช้กับเรื่องชู้สาว แต่งิ้วสมัยใหม่ใช้ได้ทุกอย่าง งิ้วหมดตลาดนรก แล้วบรรดาท่านที่ทำตัวไม่ดี ท่านมีโอกาสทำได้อีกแป๊ปเดียว และหลังจากผมเพาะต้นงิ้วเพียงพอแล้ว ในภพหน้าท่านจะเดือดร้อน" ดร.ปลอดประสพ กล่าว