ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) น.ส.เกตุศิรินทร์ ทองเนียม อายุ 28 ปี และ น.ส.รวินทร์นิชา ทางชอบ อายุ 29 ปี อาชีพพริตตี้และนางแบบ เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.พิสิษฐ์ เปาอินทร์ ผบก.ปอท. พ.ต.อ.ศิริพงษ์ ติมุลา รอง ผบก.ปอท. พ.ต.อ.สมพร แดงดี รอง ผบก.ปอท. เพื่อเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จังหวัดระยอง จากกรณีนำรูปพริตตี้สาว 2 คนในชุดสีแดง ที่ถูกถ่ายในงานแสดงออกบูธสินค้ามาประกอบในเฟซบุ๊คส่วนตัว พร้อมกับโพสต์ข้อความในทำนองหมิ่นประมาท
น.ส.เกตุศิรินทร์กล่าวว่า การที่เข้าแจ้งความในครั้งนี้เพื่อต้องการเรียกร้องสิทธิส่วนบุคคล ซึ่งนายสาธิตได้นำรูปของทั้ง 2 ที่ถ่ายในงานมอเตอร์โชว์ครั้งล่าสุดของบูธสินค้าแห่งหนึ่ง นำมาโพสต์ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวของนายสาธิต อีกทั้งยังโพสต์ข้อความเชิงทำนองหมิ่นประมาท ทำให้ทั้งสองนั้นเสื่อมเสียชื่อเสียง ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้ติดต่อไปยังเจ้าของเฟซบุ๊กดังกล่าวเพื่อขอให้ลบรูป แต่เจ้าของเฟซบุ๊กกลับเพิกเฉยและยังไม่มีการลบรูปออกแต่อย่างใด แต่กลับตอบคอมเมนต์ของคนอื่นได้ตามปกติ
ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.สายไหม เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคมที่ผ่านมา เพราะเรื่องดังกล่าวทำให้ผู้พบเห็นรูปภาพดังกล่าวเกิดความเข้าใจผิดว่าเป็น อย่างที่ถูกกล่าวหาตามข้อความในเฟซบุ๊กจริง จึงได้เดินทางเข้าแจ้งความนายสาธิตในข้อหาหมิ่นประมาท และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรม
"อยากให้นายสาธิตออกมาแสดงความรับผิดชอบ โดยการขอโทษผ่านทางสื่อและให้ลบรูปภาพออกจากเฟซบุ๊กด้วย เพราะเรื่องดังกล่าวส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของทั้งสองเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังกระทบต่อหน้าที่การงาน ซึ่งกำลังได้รับการติดต่อจากบริษัทต่างประเทศแห่งหนึ่ง จึงอยากจะให้กรณีนี้เป็นกรณีตัวอย่าง เพื่อไม่ให้มีการนำรูปภาพของคนอื่นมาโพสต์ทำให้เกิดความเสียหายอีก" พริตตี้สาวกล่าว
พล.ต.ต.พิสิษฐ์กล่าวว่า เบื้องต้นจะมีการสอบปากคำผู้เสียหายทั้ง 2 ว่าได้รับความเสียหายจากกรณีดังกล่าวอย่างไรบ้าง โดยมอบหมายให้ พ.ต.อ.สมพรเป็นเจ้าของคดีในการสอบสวน เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ว่า รูปภาพและถ้อยคำที่โพสต์สอดคล้องกันหรือไม่ รวมทั้งตรวจสอบว่า นายสาธิตเป็นเจ้าของเฟซบุ๊กดังกล่าวจริงหรือไม่
ทั้งนี้ ในความผิดฐานหมิ่นประมาทอาจสามารถยอมความกันได้ แต่ในเรื่องของความผิดทาง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ซึ่งไม่สามารถยอมความได้ ซึ่งตามกฎหมายมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 1 แสนบาท ทั้งนี้ หากคดีมีมูล ก็จะเตรียมเรียกนายสาธิตเข้าให้ปากคำถึงกรณีดังกล่าว ก่อนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป