แม่น้องไตเติ้ล เด็ก3ขวบ ถูกโจรใต้ยิงตายพร้อมพ่อ เปิดใจทั้งน้ำตา

ความคืบหน้าล่าสุด  เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม   พล.ต.ต.เอกภพ ประสิทธิ์วัฒนชัย ผบก.ภ.จ.ปัตตานี ได้เร่งให้ชุดสืบสวนสอบสวนนำชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์มาให้ข้อมูลรูปพรรณของ กลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุ พร้อมไปกับให้ชุดตรวจพิสูจน์หลักฐานเร่งเก็บ ดีเอ็นเอ จากวัตถุพยานในที่เกิดเหตุ

โดยเฉพาะจากปลอกกระสุนอาวุธปืนสงครามที่เก็บได้ในที่เกิดเหตุไปตรวจสอบหา ความเชื่อมโยงกับหลักฐานการใช้อาวุธปืนที่ผ่านมานั้นมีความเกี่ยวโยงกับ เหตุการณ์ใดบ้าง ทั้งนี้  เพื่อให้ง่ายต่อการระบุถึงกลุ่มก่อเหตุ ซึ่งปลอกกระสุนที่เก็บได้ในที่เกิดเหตุพบว่ามาจากอาวุธปืนสงคราม 3 ชนิด ประกอบด้วย อาวุธปืนเอ็ม 16 อาก้า และ เอชเค รวม 114 ปลอก  นอกจากนี้ ยังกำชับให้ชุดสืบสวนตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดทุกตัวอย่างละเอียด

ขณะที่ พล.ต.ต.เอกภพ ผบก.ภ.จ.ปัตตานี ยังให้มีการสนธิกำลังร่วม 3 ฝ่าย เพื่อออกติดตามไล่ล่าหากลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุอย่างโหดเหี้ยมในครั้งนี้ ด้วยการออกปิดล้อมตรวจคนพื้นที่เป้าหมายหลายจุด ทั้งในเขต อ.เมือง อ.หนองจิก อ.ยะหริ่ง และ อ.ยะรัง ซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อกับ อ.เมือง ที่เป็นจุดเกิดเหตุ โดยเชื่อว่ากลุ่มคนร้ายทั้งหมดจะยังคงหลบซอนตัวและได้รับการช่วยเหลือ จากกลุ่มแนวร่วมในพื้นที่ อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นสร้างความสะเทือนใจให้กับประชาชน ในพื้นที่เป็นอย่างมาก เนื่องจากคนร้ายก่อเหตุอุกอาจและโหดเหี้ยมไม่เว้นแม้แต่เด็กวัย 3 ขวบ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะเร่งสืบสวนสอบสวนเพื่อออกหมายจับคนร้ายให้ได้โดยเร็ว

ขณะที่ชุดสืบสวนสอบสวน ระบุว่า กลุ่มที่ก่อเหตุน่าจะเป็นกลุ่มเดิมที่เคยก่อเหตุในลักษณ์นี้ในพื้นที่ แต่ยังไม่ฟันธงว่าจะเป็นกลุ่มของ นายมะซอเร ดือรามะ และนายสักการียา โต๊ะตาหยง ซึ่งเป็นแกนนำกลุ่ม RKK รับผิดชอบในเขต อ.เมืองปัตตานี เพราะอาจจะเป็นชุดแนวร่วมชุดใหม่ที่พึ่งได้รับการฝึก เนื่องจากก่อนหน้านี้มีรายงานจากหน่วยความมั่นคงว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง จากหลายกลุ่มได้มีการวางแผนเพื่อเตรียมก่อเหตุด้วยการลอบวางระเบิดที่ประกอบ เสร็จแล้วในรถ จยย.จำนวน 3 คันในเขตเมืองปัตตานี แต่ไม่สามารถทำได้เนื่องจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้มีการตรึงกำลังดูแล ความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ทำให้กลุ่มคนร้ายปรับเปลี่ยนแผนก่อเหตุกับประชาชน พร้อมทั้งได้ทิ้งใบปลิวไว้เพื่อแสดงศักยภาพว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงยังคง เคลื่อนไหวและก่อเหตุอย่างต่อเนื่อง

ต่อมาเมื่อเวลา 09.00 น. พล.ต.ท.ไพทูรย์ ชูชัยยะ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ เดินทางมาที่เกิดเหตุเข้าตรวจสอบในที่เกิดเหตุ โดยเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่เก็บพยานหลักฐาน ต่าง ๆ ในที่เกิดเหตุอย่างละเอียด เพื่อเป็นข้อมูลในการจับกุมตัวคนร้ายที่ก่อเหตุอย่างเหี้ยมโหดโดยไม่ได้สนใจ ว่าเป็นเด็ก ผู้พิการ และผู้บริสุทธิ์ พร้อมทั้งยังได้ให้กำลังใจต่อญาติของผู้เสียชีวิต และเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น   

 ผบช.ศชต.  กล่าวต่อว่า เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายรู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะว่าเหยื่อเป็น ผู้บริสุทธิ์ โดยไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วย เพียงมานั่งอยู่ด่านหน้าบริเวณหน้าร้านเท่านั้น คนร้ายก็มากราดยิงในลักษณะที่โหดเหี้ยมอย่างไม่มีทางสู้ สวนแนวทางการสืบสวนเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายก็ดำเนินการอย่างเต็มทีตั่งแต่เมื่อ คืนที่ผ่านมา ผลตรวจของปืนก็ทราบแล้วว่า  คนร้ายที่มากัน 4 คน ใช้อาวุธปืน 4 กระบอก และปืนที่ใช้ยิงก็มีประวัตในพื้นที่ทั้งหมด กำลังเร่งตรวจสอบอยู่ในขณะนี้ ส่วนเป้าหมายของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในขณะนี้เป็นผู้บริสุทธิ์นั้น ทางเจ้าหน้าที่ 3 ฝ่ายเอง ก็พยายามอย่างเต็มที่ ที่จะปกป้องดูแลพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ เพราะบุคลเหล่านี้ไม่มีอาวุธ ไม่ทีทางสู้อยู่แล้ว ก็ต้องมีการแจ้งเตือนให้บุคลเหล่านั้นมีการต้องระมัดระวังตัวเอง และทางเจ้าหน้าที่ก็เข้ามาดูแลอีกทางหนึ่ง ซึ่งต้องเน้นยำให้เจ้าหน้าที่ต้องทำงานหนักมากขึ้น และเพิ่มมาตรการการดูแลรักษาความปลอดภัยประชาชนเพิ่มขึ้น

ส่วนการก่อเหตุจะเกี่ยวข้องกับการเจรจาหรือไม่นั้น ทางเจ้าหน้าที่เองไม่ได้มองถึงประเด็นเรื่องดังกล่าว ซึ่งการเจรจาก็เป็นส่วนหนึ่ง และการทำงานของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ก็ต้องทำงานอย่างเต็มที่ตามภารกิจที่ได้ รับมอบหมายโดยเฉพาะการดูแลรักษาความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ ตัวเจ้าหน้าที่เองก็ต้องป้องกันตัวเองอยู่แล้ว และก็ต้องเข้าไปดูแลพี่น้องประชาชนด้วย ก็ต้องพยายามแจ้งเตือนให้ประชาชนได้รับรู้รับทราบ

ขณะที่  ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศสถานที่เกิดเหตุคนร้ายยิงประชาชนเสียชีวิต6 ศพ    ที่บ้านเลขที่ 17/10 ม.5 ต.รูสะมิแล อ.เมืองปัตตานี   ได้มีบรรดาญาติของผู้เสียชีวิตและเพื่อนบ้านต่างเดินทางมาให้กำลังให้กับ ครอบครัวของผู้เสียชีวิต โดยเฉพาะ นางวัชรินทร์ นวลสาย แม่ของน้องไตเติ้ล วัย 3  ขวบ  ซึ่งเป็นภรรยาของนายสมาน เฮียงมา  ที่สูญเสียลูกชายและสามีไปในเวลาเดียวกัน โดยมี นายอนุศาสตร์ สุวรรณมงคล ส.ว.ปัตตานี มาให้กำลังใจ ท่ามกลางความโศกเศร้า  เนื่องจาก นางวัชรินทร์ ยังคงร้องไห้ตลอดเวลา

 ที่ร้านขายของชำ เลขที่ 17/12 ซึ่งเป้นร้านของ นายสมาน เฮียงมา สามีของนางวัชรินทร์ หลังเกิดเหตุชาวบ้านต่างมาช่วยกันทำความสะอาด ล้างคราบเลือดและจัดข้าวของที่เสียหายตั้งหน้าบ้าน โดยที่ นางวัชรินทร์ ไม่กล้ามาดูเพราะไม่อยากเห็นความสูญเสียที่ยังติดตาอยู่ในขณะนี้

ทั้งนี้   นางวัชรินทร์   กล่าวทั้งน้ำตาที่สูญเสียสามีและลูกว่า ก่อนเกิดเหตุตนกำลังอาบน้ำ ได้ยินเสียงดังหน้าบ้าน คิดว่าน่าจะเป็นเสียงประทัด แต่ก็เอะใจจึงออกไปดูปรากฏว่ามีคนร้ายยิงหน้าบ้านของตน แต่ยังไม่รู้ว่าใครถูกยิงบ้าง แต่ช่วงนั้นรู้ว่าสามีกับลูกอยู่หน้าบ้าน มารู้อีกทีช่วงที่เสียงปืนสงบแล้วบรรยากาศหน้าบ้านก็เงียบจึงใจไม่ดี เมื่อไปดูก็พบว่าสามีกับลูกถูกยิงแล้ว ตนไม่เคยคิดว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดกับตัวเอง  เด็กตัวเล็กยังทำได้ ตนเป็นคนบุรีรัมย์ อยู่ปัตตานีมา 30 กว่าปี หลังจากนี้ไปขอกลับบ้านที่อีสานและจะพาพ่อแม่กลับไปด้วย ไม่คิดทำมาหากินที่ปัตตานีต่อไปแล้วสูญเสียขนาดนี้ไม่รู้จะอยู่เพื่ออะไรอีก

ขณะที่   นายอนุศาสตร์ สุ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเหตุการณ์แรกที่มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากใน จ.ปัตตานี  ฉะนั้นคนในพื้นที่ตั้งคำถามกับรัฐบาลว่า การพูดคุยลงนามเมื่อวันที่ 29 เมย.ที่ผ่านมานั้น น่าจะลดความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ในขณะเดียวกันความจริงในพื้นที่เหตุการณ์ยังรุนแรงขึ้น ตอนนี้ขวัญกำลังใจของชาวปัตตานีสั่นสะเทือน โดยเฉพาะเห็นการอุ้มศพของน้องไตเติ้ลออกจากที่เกิดเหตุสร้างความสะเทือนใจ แก่ประชาชนอย่างมาก

"รัฐบาลต้องชี้แจงว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันมีต้นตอมาจากอะไร เพราะจริง ๆ แล้วหลายคนคาดหวังและให้กำลังใจกับรัฐบาลในการเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ เรื่องการพูดคุย แต่ผลสะท้อนออกมาในพื้นที่มันตรงกันข้ามกับคนคาดหวังไว้คือความรุนแรงยัง เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องกับเป้าหมายที่อ่อนแอและผู้บริสุทธิ์อย่างน้อง ไตเติ้ลที่อายุเพียง 2 ขวบโดนกราดยิงแล้วลงมายิงซ้ำ"

ขณะที่ พลตรี ธวัช สุกปลั่ง ผบ.ฉก.ปัตตานี เดินทางไปพบ นายแวดือราแม มะมิงจิ ประธานคณะกรรมการอิสลาม จปัตตานี เพื่อหารือแนวทางการดูแลความปลอดภัยและให้ทางผู้นำศาสนาร่วมเป้นแรงใจในการ แก้ปัญหาความไม่สงบ เนื่องจากเหตุการณ์ล่าสุดที่คนร้ายกราดยิงผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต 6 ราย ซึ่งทาง นายแวดือราแม มะมิงจิ ประธานคณะกรรมการอิสลาม จ.ปัตตานี กล่าวว่า ตนเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซึ่งเป้นความสะเทือนใจอย่างมากต่อประชาชน ทั่วไป แต่ก็ไม่อยากให้มองว่าเหตุที่เกิดขึ้นนั้นเป้นการกระทำเพื่อศาสนา เพราะศาสนา เพราะพระเจ้าบัญบัติแล้ว่าผู้ที่กระทำการแบบนี้บาปชัดเจน ศาสนาสอนให้คนเป็นคนดี ไม่ใช่กระทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนเสียใจ ก็ขอให้ผู้ปกครองดูแลบุตรหลานให้เป็นคนดี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับศพของผู้เสียชีวิตซึ่งเป็นคนไทยพุทธ 5 คน  ยังเก็บอยู่ที่โรงพยาบาลปัตตานีเพื่อรอญาติมารับไปประกอบพิธีทางศาสนา ส่วนนายมะรูดี การี ญาติได้นำศพไปฝังตามศาสนาอิสลาม ที่ ต.ตะลุโบะอ.เมือง จ.ปัตตานีเมื่อเช้านี้    ส่วนผู้บาดเจ็บ 1 ราย คือ นายอดุลย์ ดวงแก้ว อาการพ้นขีดอันตรายแล้วรักษาตัวอยู่ที่ รพ.ปัตตานี