ยังไงก็รัก หมอเผ่า และภรรยาสาวที่น่ารัก

ครอบครัวอุ่นรัก: นพ.ประกิตเผ่า-อลิสา ทมทิตชงค์


ความรักของ "คุณหมอป๊อป"...นายแพทย์ ประกิตเผ่า ทมทิตชงค์ ผู้บริหารสถาบันแอพพลายดิ์ ฟิสิกส์ โรงเรียนกวดวิชาที่ได้รับความนิยมสูงสุดในเมืองไทยกับ คุณแอน...อลิสา ผู้เป็นภรรยา เริ่มขึ้นเมื่อทั้งสองฝ่ายอายุ 15 ปี คุณหมอป๊อบเป็นรุ่นพี่ ม.5 ห้อง 823 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา คุณแอนเป็นรุ่นน้อง ม.4 เลขห้องเดียวกันแต่ห่างชั้นปี

ตามธรรมเนียมของทุกปี


รุ่นพี่ต้องเข้าไปแนะนำตัวและบอกวิธีการเรียนหนังสือให้กับรุ่นน้อง และปีนี้ก็กลายเป็นปีที่พิเศษสำหรับคุณหมอป๊อบ เพราะบังเอิญไปสบตากับรุ่นน้องหน้าตาน่ารัก อย่างคุณแอน จนกามเทพรีบควานหาศร แผลงไปปักกลางใจคุณหมอป๊อบเข้าอย่างจัง




คุณหมอป๊อบ : "...ตอนนั้นพี่ ๆ ทุกคนยืนอยู่หน้าห้อง กำลังแนะนำตัวและคุยกับน้อง ๆ ผมก็มองไปแอนก็มองมา ผมก็ยิ้มให้แอน ความรู้สึกตอนนั้นบอกตัวเองเลยว่าชอบผู้หญิงคนนี้จัง หน้าตาหมวยๆดี (หัวเราะ) แต่ด้วยความจีบผู้หญิงไม่เป็น ผมจึงไม่เคยเข้าไปคุยอะไร เพียงแต่เดินสวนกันไปมา

ผมเคยโทรศัพท์ไปหาแอนครั้งหนึ่ง ไม่รู้จะเริ่มต้นพูดอะไรดี เลยจดสคริปท์ไว้ว่าจะพูดอย่างนี้ อย่างนี้ (หัวเราะขำ) ประมาณ 3-4 บรรทัด ปกติผมเป็นคนนอนแต่หัวค่ำสองทุ่มครึ่งก็นอนแล้ว แต่วันนั้นยอมนอนดึก โทรศัพท์ไปหานอนตอนสามทุ่ม 4 บรรทัดก็คุยได้ประมาณ 3 นาที แล้วก็วางหู ผมโทรศัพท์ไปคุยกับแอน 3-4 ครั้ง โทร.ไปทุกครั้งก็ปากคอสั่น(ฮากันครืน) เราไม่รู้ว่าเขาจะชอบเราหรือเปล่า...

คุณแอน : "...font color="red"> ตอนนั้นใจแอนก็ชอบเขาอยู่บ้างแล้วล่ะ เพียงแต่เรามีความรู้สึกว่าเรายังเด็กต้องเรียนหนังสือก่อน


คุณหมอป๊อบ : "...ต่อมาใกล้สอบเข้ามหาวิทยาลัย เราก็เริ่มห่างกันไป ผมสอบติดคณะแพทยศาสตร์ ศิริราช ก็ไปเรียนและไม่ได้พบแอนอีกเลยเกือบสองปี มาพบกันอีกครั้งในงานศพของเพื่อนผมซึ่งเป็นรุ่นพี่ของแอน เมื่อพบกันผมคิดว่าถ้าผมไม่จีบเขาตอนนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะจีบเขาตอนไหน จากนั้นอีก 2 วัน ผมก็โทรศัพท์ไปหาแอน แล้วใช้แม่สื่อ (หัวเราะ) รุ่นน้องผมซึ่งเป็นเพื่อนของแอนนั่นล่ะไปทาบทามแอนว่า "พี่ป๊อบอยากชวนแอนไปดูหนัง แอนจะไปไหม..."

คุณแอน : "...เพื่อนแอนมาบอกแอนว่า" เรามีหนังสืออยู่เล่มหนึ่งฝากเธอไปคืนพี่ป๊อบหน่อยนะ "แอนก็สงสัยว่าทำไมต้องเป็นแอนล่ะ แต่รับปากเรื่องที่พี่ป๊อบชวนดูหนังแอนก็ไปนะ จะได้เอาหนังสือไปคืน (หัวเราะ) ตอนนั้นแอนเรียนอยู่ปี 1 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พี่ป๊อบเรียนอยู่ปี 3 ศิริราช ที่เรียนห่างกันมากเพราะแอนสอบมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แล้วรู้สึกไม่ชอบวิชาที่เลือกเรียน จึงมาสอบเอ็นทรานซ์ใหม่ ยอมเป็นเด็กฟอสซิล..."

ต่างฝ่ายต่างใส่ตัวโน้ตลงบนดนตรีแห่งความรักคนละตัวสองตัว


จนสามารถบรรเลงเป็นเพลงไพเราะหวานซึ้งฟังแล้วไม่มีสะดุด 7 ปี ที่คบกันมาหลายครั้งที่คุณหมอประกิตเผ่าพบปัญหา คุณอลิสา จะเป็นผู้อยู่เคียงข้างคอยให้กำลังใจ และในที่สุดก็มีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น เป็นจุดที่ทำให้ทั้งคู่ตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกัน


คุณหมอป๊อบ : "... ครอบครัวของแอนเป็นพลเมืองของประเทศสหรัฐอเมริกา (American citigen) ทุกคนอยู่ที่โน่นกันหมดเลย เหลือแอนอยู่ที่ประเทศไทยคนเดียว อยู่เพื่อผมนะครับ (เหลือบสายตาหวานฉ่ำไปที่ภรรยานิดหนึ่ง) ตอนที่จบปริญญาตรีจากจุฬาลงกรณ์ แอนจะไปเรียนต่อปริญญาโทที่อเมริกาผมก็ขอแอนว่า อย่าไปได้ไหมเรียนต่อที่ศศินก็ได้ แอนเขาก็ยอม

แต่ในที่สุดก็ต้องถึงวันที่เขาต้องไปอเมริกาจริง ๆ เพราะต้องไปใช้สิทธิกรีนการ์ด ผมจึงบอกว่า "แอนคงต้องเลือกแล้วล่ะ เพราะถ้าแอนเลือกไปอยู่อเมริกา เราคงต้องเลิกกัน" คือผมคิดว่ามันจะมีระยะห่างระหว่างเรามากเกินไป แล้วเราไม่รู้เลยว่าชีวิตเราสองคนจะมีเรื่องอะไรเข้ามาในขณะที่เราต้องอยู่ห่างกัน...

คุณแอน : "...ครอบครัวแอนอยู่ที่อเมริกา ถ้าแอนเลือกไปอยู่ที่นั่นแล้ว จู่ๆจะขอแม่กลับมาเมืองไทยมันเป็นเรื่องแปลกๆ เพราะเราไม่มีญาติอยู่ที่นี่ แม่คงจะถามว่าเราจะกลับมาทำไมญาติพี่น้องก็ไม่มีช่วงนั้นแอนสับสนพอสมควร แอนพยายามยื้อแม่มาตลอดนะ เขาบอกให้ส่งใบเกิดก็ไม่ยอมส่งไปขอแม่ว่ายังไม่ไปนะจะอยู่ทำงานที่นี่ก่อน งานดีมากเลย ชอบงาน จนครอบครัวแอนสงสัยว่ามีอะไรแน่ๆ

คุณหมอป๊อบ : "... พี่น้องแอนทุกคนไปอยู่อเมริกาไม่มีใครกลับมาเมืองไทยเลย เรียน ทำงาน และแต่งงานมีครอบครัวกันไป ใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกาตลอด ผมมองดูแล้วว่าถ้าแอนไปคงไม่มีโอกาสกลับมา ผมจึงบอกแอนว่า ถ้าแอนตัดสินใจอยู่ที่นี่ ผมจะเลี้ยงดูแอนให้ดีที่สุด แต่ถ้าแอนเลือกไปอเมริกาเราต้องเลิกกัน..."

คุณแอน : "...แอนตัดสินใจทันทีเลยค่ะ แอนเสียดายเวลา เราคบกันมา 7 ปี แอนไม่อยากไปเริ่มต้นกับใครใหม่ แอนคิดว่าชีวิตที่แอนเลือกเป็นชีวิตที่ดีที่สุดสำหรับแอน..."


คุณหมอป๊อบ : "...ผมกับแอนแต่งงานกันตอนเราอายุ 25 ปี วัยเบญจเพสด้วยแต่ผมไม่ใช่คนถือโชคลาง ไม่ว่าจะซื้อรถยนต์ เปิดสำนักงาน ผมไม่เคยดูดวง ผมมีงานสอนทุกวัน ว่างแค่วันจันทร์กับวันศุกร์ ผมก็บอกแอนว่าเราแต่งงานกันในช่วงนี้แล้วกัน ผมไม่อยากหยุดสอน แต่งงานกันวันศุกร์ปุ๊บ วันเสาร์ผมก็ไปทำงานต่อเลยไม่มีฮันนีมูน แอนเขาไม่ได้เรียกร้องอะไรเลยนะ ผมจบแพทย์มา 3 ปี มาทรัพย์สินไม่มากนะ แต่ผมว่าผมมีวุฒิภาวะพอสมควร ที่จะเลี้ยงดูเขาได้เป็นอย่างดี ตอนนี้แอนทำงานอยู่ที่การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย

คุณแอน : "...วันแต่งงานบรรยากาศก็วุ่นวายพอสมควร คุณแม่เป็นคนจีน ท่านจะให้มีพิธีตึ๋งฉู่ คือวันแต่งงานแอนห้ามเข้าหอ ต้องกลับไปอยู่กับแม่ก่อน เขามีความเชื่อว่า ถ้าไม่กลับไปอยู่กับแม่ จะทำให้แม่ลูกไม่ได้เจอกัน แอนก็พยายามคุยให้แม่เข้าใจ ตอนเช้าเรามีพิธียกน้ำชาตั้งแต่หกโมงเช้า จากนั้นเป็นพิธีสงฆ์ที่โรงพยาบาลจุฬา ถวายสังฆทานพระ ตอนค่ำเรามีงานเลี้ยงที่โรงแรมโนโวเทล สยามสแควร์ ห้องที่เราจัดเลี้ยงอยู่ติดสระว่ายน้ำ เราก็เปิดไปจนถึงสระน้ำ แขกเหรื่อมากันเยอะมาก...


คุณหมอป๊อบ : "...ผมมีคำมั่นสัญญากับแอนไว้ว่า ผมจะไม่ทำปัญหาทางด้านชู้สาวให้เขา เช่น ผมจะไม่มีภรรยาน้อย แต่ผมขอไว้อย่างหนึ่งว่า บางครั้งผมอาจมีการเที่ยวกลางคืนบ้าง เช่นไปกินข้าว กินเหล้ากับเพื่อนก็อย่าว่ากัน อย่าถามว่าจะไปไหน จะกลับกี่โมง ซึ่งในความเป็นจริง ผมแต่งงานกับแอนมา 10 ปี ผมเคยเที่ยวกลางคืน 3 ครั้ง ด้วยความที่พาเพื่อนไปกินข้าวและนั่งคุยกันเพลินไปถึงเที่ยงคืน โดยปกติผมไม่ใช่คนเที่ยวกลางคืนนะ สองทุ่ม-สามทุ่มผมก็หลับแล้ว..."

คุณแอน : "...สัญญาอีกข้อคือเขาเป็นคนชอบรถยนต์กับปีน เขาขอไว้ว่าถ้าเขาจะซื้อรถซื้อปืนอย่าว่าเพราะชอบมาตั้งนานแล้ว แอนก็ตกลง..."

คุณหมอป๊อบและคุณแอนมีลูกสาวคนโต


ชื่อ "น้องน้ำหวาน" เด็กหญิงอรณิชา ทมทิตชงค์ และลูกชายคนเล็กชื่อ "น้องเบนซ์" เด็กชายปรินทร ทมทิตชงค์ ทั้งคู่ผลัดกันเล่าถึงการเลี้ยงลูกด้วยความรัก ความเอาใจใส่ให้เราฟังด้วยน้ำเสียงรื่นเริง เป็นความสุขที่สัมผัสได้ยามใครสักคนพูดถึงคนที่ตนรัก

คุณแอน : "...คุณป๊อบอยากมีลูกสาวมาก เขาขอให้แอนรีบมีลูกเลย แอนเองรู้สึกว่าเรายังไม่ได้ใช้ชีวิตคู่เลยนะ แล้วก็ค่อนข้างกังวลเพราะแม่แอนไม่ได้อยู่ที่นี่ คุณป๊อบบอกว่าเขาขอร้องล่ะเพราะคุณพ่อคุณแม่ของเขาอายุมากแล้ว ถ้ามีหลานให้คุณแม่เลี้ยง คุณแม่จะได้มีความสุข ตอนที่แอนคลอด แอนก็นอนคิดถึงแม่ แต่เมื่อคลอดออกมาแล้ว คุณแม่ของคุณป๊อบท่านช่วยดูแล สอนแอนทุกอย่าง..."


คุณแอน : "...ท้องลูกสาวคนโตแอนชอบทานผักกับแกงจืด ปรากฏว่าลูกสาวออกมาก็ชอบทานผักและผลไม้มาก ส่วนลูกชายคนเล็กแอนไม่แต่งหน้าแต่งตัวเลย เขาก็ออกมาเป็นผู้ชาย คุณป๊อบจะดูแลพยายามไม่ให้มีอะไรกระทบใจแอนเลย เขาอยากให้แอนอารมณ์ดีให้มากที่สุด แล้วมีผลจริงๆนะคะลูกๆแอนอารมณ์ดี ยิ้มง่าย ขี้เล่น สนุกสนาน มองโลกในแง่ดี ไม่งอแงไม่ขี้โมโห..."

คุณหมอป๊อบ : "...ลูกผมมีพัฒนาการที่เร็วมาก คือตอนผมเป็นนักเรียนแพทย์ ผมท่องหนังสือมาว่าเด็กจะมีพัฒนาการตามวัยอย่างไรบ้างสองเดือน เบิกตามอง สามเดือน ยิ้มย่องผ่องใส สี่เดือนพลิกคว่ำเองได้ ปรากฏว่าสองเดือนลูกผมพลิกตัวแล้ว เราก็เอ๊ะ! ไม่ใช่พลิกตัวตอน 4 เดือนเหรอ (หัวเราะกันครืน) เด็กปกติจะเดินได้ตอนหนึ่งขวบ แต่ 9 เดือนลูกผมเริ่มเดินแล้ว เดินในขวบ แล้วเขาจะเดินเร็วมากๆ เร็วเหมือนวิ่งตอนอายุสองขวบ เลิกฉี่รดกางเกง เราไม่ต้องใส่แพมเพิร์สให้เขาอีกเลย...

ตอนนี้ลูกสาวคนโตอายุ 8 ขวบ


ผมจะพูดกับเขาตลอดว่า พ่อแม่รักหนูนะแล้วจะอุ้มเขาบ่อยๆสัญญากับลุกสาวไว้ว่าจะอุ้มจนเขาอายุถึงยี่สิบ ลูกสาวจะชอบศิลปะ เชื่อฟังง่ายอ่อนไหวง่ายทุกวันเขาจะมีงานศิลปะมาให้คุณพ่อ ผมจะหอมแก้มให้รางวัลเขา ส่วนลูกชายจะมีความเป็นตัวของตัวเองสูงชอบซักถาม และชอบต่อสู้ เขามีนวมไว้ฝึกต่อยมวย เพราะผมปลูกฝังเขาไว้ว่าหน้าที่ของลูกผู้ชายคือปกป้องคนที่เรารัก เขาจะซ้อมมวยกับพ่อ เรียนเทควันโด แล้วมาเตะต่อยกับพ่อทุกคืน..."


คุณแอน : "...แต่การปลูกฝังเรื่องนี้ได้ผลนะคะ บางทีแอนต้องไปธุระ แอนจะบอกว่า "ดูแลพี่หวานด้วยนะลูก" เขาจะทำตัวเป็นพี่ใหญ่ คอยดูแลบ้านว่าประตูล็อคหมดหรือยัง เขาอายุแค่ 5 ขวบเองคุณพ่อติดโทรทัศน์วงจรปิดรอบบ้าน เขาจะคอยดูว่ามีใครเข้ามาหรือเปล่า แล้วลุกๆ 2 คน จะมีความรับผิดชอบเรื่องการเรียนสูงมาก

ลูกชายคนเล็กคุณย่าไปรับที่โรงเรียนเมื่อกลับถึงบ้านสิ่งแรกที่เขาต้องทำคือ การบ้าน ส่วนลูกสาวคนโตเรียนอยู่ที่โรงเรียนสาธิตจุฬา อยู่ไกลบ้านหน่อย แอนจะเป็นคนไปรับ บางครั้งแอนไปถึงช้า เขาจะนั่งทำการบ้านรอ กลับมาบ้านขอดูการบ้านปรากฏว่าลูกสาวทำเสร็จหมดแล้ว..."


คุณหมอป๊อบ : "...แต่เราไม่ได้ผลักดันลูกเรื่องการเรียนเลยนะครับ ผมถือว่าช่วงสิบปีแรกของชีวิตเด็กควรได้มีความสนุกสนานอย่างเต็มที่ เพื่อที่เขาจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีทัศนคติ การมองโลกในแง่ดีผมจึงอยากให้เขาสนใจดนตรีหรือกีฬา สิ่งที่จะทำให้เขาสนุกสนาน เพลิดเพลิน มากกว่าเรื่องเครียดๆส่วนเรื่องเรียนผมจะปล่อยไปตามธรรมชาติ แต่ลูกสาวก็เรียนได้บัตรเกียรติยศนะครับตอนนี้อยู่ ป.3 เรียนได้เกรดเฉลี่ย 4.00 สี่เทอมซ้อน ลูกชายปีที่แล้วได้ที่ 1 ปีนี้ได้ที่ 2..."


คุณแอน : "...ซึ่งเราก็บอกเขาว่าถึงได้ที่ 2 ก็ยังเก่งอยู่นะ เราไม่ปลูกฝังให้เขารู้สึกว่าเขาต้องเป็นที่หนึ่งตลอด ไม่อยากให้ลูกรู้สึกว่าแพ้ไม่เป็น ในเรื่องความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ลูกสาวคนโตเป็นคนมีน้ำใจมากใครลืมปากกา ดินสอ มาหาน้ำหวาน เขาจะมีให้ขอยืม อาจารย์ยังออกปากชมว่ามีน้ำใจต่อเพื่อนฝูงมาก..."

คุณหมอป๊อบ : "... ในเรื่องการใช้จ่ายสตางค์ คุณแอนจะเป็นคนปลูกฝังให้ลูกต้องรู้จักแบ่งใช้แบ่งเก็บจนลูกชายคนเล็กเขาจะเป็นจอมเก็บเงิน เขามีเงินหลายหมื่นนะครับตอนนี้ ด้วยวิธีเก็บเศษสตางค์ที่ผมมาวางทิ้งไว้บนโต๊ะ สมมุติผมวางไว้ 6 เหรียญ เขาจะแบ่งกับพี่สาวคนละ 3 เหรียญไปใส่กระปุก

บางทีคุณปู่คุณย่าให้ไม่ว่าจะเทศกาลอะไรเขาจะมาหยอดกระปุกไว้ และไม่ยอมเข้าธนาคารด้วย ไม่รู้จักธนาคาร รู้แต่ว่าจะมีใครก็ไม่รู้มาเอาเงินเขาไป เขายอมไม่ได้ (หัวเราะกันสนุกสนาน) ต้องอธิบายให้เขาฟังว่าเมื่อไรอยากได้เงินคืน หนูสามารถไปเบิกมาใช้ได้ จึงจะยอม แต่สมุดธนาคารต้องเก็บเองนะ ไม่ฝากใครทั้งนั้น กลัวไม่ได้คืน...

...เวลาไปเดินซื้อของตามห้าง ผมจะตกลงกับลูกไว้ก่อนว่า "ซื้อได้คนละหนึ่งชิ้นเท่านั้น" เมื่อเขาเลือกได้ของตามความต้องการคนละหนึ่งชิ้น ก็จบ เรื่องลงไปนอนดิ้นร้องงอแงยังไม่เคยมีครับลูกชายผมอยากไดของเล่นประเภทปืน ผมจะปลูกฝังตั้งแต่เขาจำความได้เลยว่า ปืนไม่ใช่ของเล่นและในบ้านผมจะไม่มีของเล่นที่เป็นปืนเลย

ผมพาลูกเข้าสนามยิงปืนตั้งแต่ 3 ขวบ เพื่อให้เขารู้ว่าสิ่งที่พ่อมีอยู่มีความรุนแรงและมีอันตราย เพื่อให้เขารู้จักและเลือกใช้ได้อย่างถูกต้อง ลูกผมจะไม่จับปืนมาเล่นเลย เขาจะทราบว่าปืนมีไว้เพื่อต่อสู้กับคนร้ายเท่านั้น..."

ในอนาคตคุณหมอประกิตเผ่าและคุณอลิสา วางแผนไว้ว่า


จะให้ลูกเรียนในเมืองไทยจนจบปริญญาตรีเสียก่อน แล้วจึงค่อยส่งให้ไปเรียนต่อปริญญาโทต่างประเทศ ด้วยเหตุผลที่ว่า...การทำงานจะประสบความสำเร็จได้ ไม่ใช่เพราะทำงานเก่งอย่างเดียว สิ่งสำคัญต้องมีเพื่อน ต้องมีสังคม จึงจะประสบผลสำเร็จได้


การส่งเด็ก ๆไปใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศนั้น


เด็กจะมีอิสระในการใช้ชีวิตมาก ควรจะให้เขาเป็นผู้ใหญ่พอสมควรก่อนเพื่อเขาจะได้มีวิจารณญาณการใช้ชีวิตที่ถูกต้อง และสามารถเก็บเกี่ยวความรู้ ประสบการณ์ที่ดีกลับมาใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อตัวเองและต่อประเทศชาติให้มากที่สุด


ที่มา :จากหญิงไทย ฉบับที่ 671 ปีที่ 28 ปักษ์หลัง เดือนกันยายน พ.ศ. 2546

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์