ล่าก๊วนวางยาหมอเผ่า

ป.จ่อเรียกคนใกล้ชิดสอบลุ้นระทึกสรุปผลวินิจฉัย...ลุ้นระทึก


ผลวินิจฉัย ประกิตเผ่า ตอนนี้อาการดีขึ้นมาก ให้ความร่วมมือดีแต่ไม่อยากให้รักษาตัวแล้วแพทย์เริ่มหนักใจหากคนไข้ไม่อยากอยู่โรงพยาบาลระบุ ยังไม่มีกฎหมายรองรับ ใครก็ไปบังคับไม่ได้ ถ้ายังไม่ได้ตกเป็นผู้ต้องหาก่อคดี ล่าสุดมารดา-ภรรยาเดินทางเข้าไปให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีก


ขณะที่ทีมแพทย์เรียกประชุมคณะกรรมการ


ก่อนจะสรุปผลส่งรายงานต่อศาล 9 มี.ค. ทำให้ต้องเฝ้ารอลุ้นอย่างห้ามกะพริบตา ผลไต่สวนลงเอยรูปแบบไหน ขณะที่ "เปมิกา" เพื่อนสาวคนสนิท หลบหน้ากองทัพสื่อมวลชน ย่องชี้แจงรอง คณบดี คณะจิตวิทยา จุฬาฯ ด้านตำรวจกองปราบฯ ลุยล่าไอ้โม่งกลุ่มมอมยา แกะรอย 48 ชม.ก่อนถูกส่งตัวเข้า รพ.ไปทำอะไรมาบ้าง เตรียมเรียกสอบกลุ่มบุคคลใกล้ชิดทั้งหมด เผยสาร "อีเฟดรีน" นอกจากเข้าสู่ร่างกายด้วยวิธีรับประทาน ยังสามารถใช้การ "สูดดม" ได้ด้วย

ยังคงเป็นหนังชีวิตเรื่องยาว


คดีของ นพ.ประกิตเผ่า ทมทิตชงค์ เจ้าของสถาบันกวดวิชาแอพพลายด์ฟิสิกส์ หลังจากถูกคนในครอบครัวนำตัวส่งไปรักษาตัวที่ รพ.ศรีธัญญา จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา แต่ได้ถูก น.ส.เปมิกา วีรชัชรักษิต นิสิตปี 4 คณะจิตวิทยา จุฬาฯ เพื่อน สาวคนสนิทของ นพ.ประกิตเผ่า ร้องขอความช่วยเหลือจากตำรวจ สน.บางซื่อ


กระทั่งมีการไปยื่นคำร้องต่อศาลว่า


นพ.ประกิตเผ่า ถูกกักขัง โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ส่งผลทำให้ศาลต้องใช้วิธีเดินเผชิญสืบแล้วมีคำสั่งย้ายด่วนให้นำ นพ. ประกิตเผ่า เข้ารักษาที่สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ ถนนพุทธมณฑลสาย 4 เมื่อวันที่ 2 มี.ค. เพื่อความยุติธรรมของทั้งสองฝ่าย

ต่อมา


รศ.เพลินจิต ทมทิตชงค์ นพ. ประกิตพันธ์ ทมทิตชงค์ และนางอลิสา ทมทิต ชงค์ มารดา พี่ชาย และภรรยา นพ.ประกิตเผ่า ตัดสินใจเข้าร้องทุกข์ที่กองปราบปราม ขอให้ช่วยสืบสวนหาที่มาของสารอีเฟดรีน (Ephedrine) ที่เข้าไปอยู่ในร่างกายของ นพ.ประกิตเผ่า


เนื่องจากแพทย์ตรวจพบมากกว่าบุคคลปกติถึง 200 เท่าได้อย่างไร


ล่าสุดทาง พ.ต.อ.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบก.ป. เป็นผู้รับผิดชอบการสืบสวนสอบสวน นอกจากนี้ยังมีกลุ่มนิสิตจุฬาฯ จำนวนหนึ่งรวมตัวกันแถลงข่าวให้ทางสถาบันฯ เรียก น.ส. เปมิกา มาว่ากล่าวตักเตือนเพราะสร้างความเสื่อม เสียมาสู่สถาบัน ตามที่เดลินิวส์เกาะติดนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

แม่-เมียให้ข้อมูลเพิ่มเติม


ส่วนบรรยากาศโดยทั่วไปที่สถาบันกัลยาณ์ฯ ถนนพุทธมณฑลสาย 4 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้า รศ.เพลินจิต มารดาของ นพ.ประกิตเผ่า พร้อมด้วยนางอลิสา ลูกสะใภ้ และญาติรวม 4 คนได้เดินทางด้วยรถตู้มาที่สถาบันกัลยาณ์ฯ

หลังจากได้รับการติดต่อจากทางคณะแพทย์


ที่ทำการตรวจวินิจฉัยและสหวิชาชีพที่เกี่ยวข้องเพื่อให้บุคคลที่ใกล้ชิดกับ นพ.ประกิตเผ่า เข้ามาให้ข้อมูลประวัติส่วนตัวบางอย่างที่ทางคณะแพทย์ต้องการทราบรายละเอียดก่อนที่จะนำไปวิเคราะห์พิจารณาเพื่อเตรียมใช้ในการสรุปผล โดยครอบครัว นพ. ประกิตเผ่า ได้ให้ข้อมูลเป็นเวลานานกว่า 1 ชม. เสร็จแล้วรีบขึ้นรถเดินทางกลับทันที ไม่ยอมให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่มาปักหลักบริเวณนอกสถาบันแต่อย่างใด



เตรียมสรุปความเห็นต่อศาล


ด้าน นพ.ศิริศักดิ์ ผอ.สถาบันกัลยาณ์ฯ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมารดาและภรรยาของ นพ. ประกิตเผ่า เดินทางมาที่สถาบันฯ ช่วงเช้าที่ผ่านมาว่า ไม่ได้เป็นการเข้าเยี่ยมคนไข้ตามที่สื่อมวลชนเข้าใจ แต่เป็นการเดินทางมาให้ปากคำแก่ทาง สถาบันตามที่ได้มีหนังสือเชิญไป

โดยทางแพทย์เจ้าของไข้ได้เชิญมารดา ภรรยา และเพื่อนร่วมงานอีก 2 คนของคนไข้มาให้ปากคำ กระบวนการนี้ได้มีการทำหนังสือขออนุญาตศาลก่อนแล้วและเป็นกระบวนการตามปกติในการสอบถามญาติ หรือเพื่อนร่วมงาน ก่อนสรุปความเห็นเสนอศาล

"ที่ผ่านมาผมจะไม่พูดหรือให้ความเห็น เกี่ยวกับอาการคนไข้เพราะเคารพคำสั่งของศาล ดังนั้นตามที่มีการนำเสนอข่าวว่าผมให้ความเห็นเกี่ยวกับอาการของคนไข้ตามที่มีข่าวลงหนังสือพิมพ์บางฉบับนั้นขอเรียนว่า ผมไม่ได้ให้สัมภาษณ์ แต่อย่างใด"

เผยคนไข้ไม่อยากให้รักษา


ขณะเดียวกัน นพ.อภิชัย มงคล รอง อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวถึงอาการของ นพ.ประกิตเผ่า ว่า ไม่สามารถลงรายละเอียดได้เพราะ ต้องเคารพคำวินิจฉัยของศาล แต่พูดได้สั้น ๆ ว่าทางผู้ให้การรักษาได้ใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ในการรักษาเนื่องจากคนไข้ไม่อยากรักษา อย่างไรก็ตาม ประเด็นในตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่ว่าคนไข้ป่วยหรือไม่ แต่ปัญหาคือหาก นพ.ประกิตเผ่า ไม่อยากรับการรักษาและไม่อยากอยู่โรงพยาบาลจะทำอย่างไรต่อไปเพราะใครก็ไปบังคับไม่ได้ เนื่อง จาก นพ.ประกิตเผ่า บรรลุนิติภาวะแล้ว อีกทั้ง ไม่ได้เป็นผู้ต้องหาก่อคดีอะไร

ปัญหาที่เกิดขึ้นในตอนนี้


"เป็นเพราะไม่มีกฎหมายรองรับในกรณีที่จะนำผู้ป่วยเข้ารับการบำบัดรักษา แม้แต่พ่อแม่ก็ไม่สามารถนำตัวบุตรไปรักษาได้ ดังนั้นคงต้องจับตาดูต่อไปว่าวันที่ 9 มี.ค. ศาลท่านจะสั่งอย่างไร ผมก็หนักใจแทนเหมือนกันเพราะตอนนี้ไม่มีใครมีอำนาจสั่งให้คนไข้รักษาตัวได้ แต่เชื่อว่าทุกฝ่ายก็คงมีความเห็นตรงกันคือ อยากให้คนไข้อาการดีขึ้น


ซึ่งทางกรมสุขภาพจิตก็บอกไปแล้วว่า


ต้องใช้เวลารักษาอย่างน้อย 1 เดือน ดังนั้นในกรณีนี้คิดว่าคงจะต้องมีการนำกฎหมายหลาย ๆ ฉบับที่มีอยู่มาประยุกต์ใช้เพื่อคนไข้รับการรักษาต่อไป เพราะหากปล่อยคนไข้ออกไปไม่มีใครยืนยันได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น" รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าว

อีเฟดรีนใช้วิธี สูดดม ได้


มีรายงานว่า ตั้งแต่ นพ.ประกิตเผ่า เข้ามารักษาตัววันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมา ช่วงแรกยังมีอาการสะลึมสะลืออยู่บ้าง ขณะนี้อาการดีสดชื่นแจ่มใสมากขึ้น ออกกำลังกายได้ที่สำคัญผู้ป่วยได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีแต่ยังต้องอยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่อย่างใกล้ชิด


ส่วนกรณีจะให้ผู้ป่วยไปขึ้น ศาลหรือไม่นั้น


จะต้องฟังเหตุผลจากคณะกรรม การวินิจฉัยด้วยว่า ถ้าตัวผู้ป่วยเดินทางไปแล้วจะเป็นประโยชน์มากน้อยแค่ไหน อย่างไรบ้าง สำหรับในประเด็นของ "อีเฟดรีน" ที่พบในตัวของผู้ป่วยนั้น ตามปกติสารชนิดดังกล่าวนอกจากจะเข้าสู่ร่างกายด้วยการรับประทานแล้ว บางครั้งยังเคยพบว่าเข้าสู่ร่างกายด้วยการ "สูดดม" ส่วนการฉีดเข้าทางร่างกายยังไม่เคยพบ

น้องเป รายงานตัวอาจารย์


ส่วนที่ห้องประชุม คณะจิตวิทยา ชั้น 16 อาคารศูนย์หนังสือ จุฬาฯ ตั้งแต่ช่วงบ่ายได้ มีสื่อมวลชนทุกแขนงไปปักหลักรายงานข่าวกันคึกคัก หลังจากมีรายงานข่าวว่าเวลา 13.00 น. (7 มี.ค.) ทาง รศ.ประไพพรรณ ภูมิวุฒิสาร รองคณบดีคณะจิตวิทยา ฝ่ายกิจการนิสิต และเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของ น.ส.เปมิกา ได้นัดหมายให้ น.ส.เปมิกา เดินทางมาพบเพื่อสอบถามถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น พอถึงเวลานัดหมายก็ยังไม่มีกลุ่มผู้บริหารของคณะออกมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้แก่บรรดาสื่อมวลชนที่มาเกาะติดทำข่าวแต่อย่างใด

กระทั่งถึงเวลา 15.00 น.


มีเจ้าหน้าที่ของคณะ เดินทางมาแจ้งกับสื่อมวลชนว่า รศ. ประไพพรรณ ได้โทรศัพท์แจ้งว่าได้พบกับ น.ส.เปมิกา เรียบร้อยแล้วนัดพบกันนอกสถานที่เพราะไม่ต้องการให้เป็นข่าวและไม่ขอแสดงความเห็นใด ๆ หรือให้สัมภาษณ์ในสิ่งที่ได้พูดคุยกับ น.ส.เปมิกา จึงขอให้สื่อเดินทางกลับไม่ต้องมาดักรอสัมภาษณ์

แกะรอย 48 ชม.ก่อนเข้า รพ.


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะพนักงานสอบสวนได้วางแนวทางการสืบสวนสอบสวนมุ่งเน้นเตรียมเรียกสอบพยานแวดล้อมที่อยู่ใกล้ชิดนพ.ประกิตเผ่า โดยเฉพาะในช่วงระยะเวลา 48 ชม.ก่อนที่ครอบครัวจะนำตัว นพ.ประกิตเผ่า ไปรับการรักษาที่ รพ.ศรีธัญญา


เนื่องจากตำรวจได้ข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญว่า


สาร "อีเฟดรีน" ที่สะสมอยู่ในร่างกาย ส่วนใหญ่จะสามารถตรวจสอบเจอได้หาก รับสารมาไม่เกิน 48 ชม. ดังนั้นพนักงานสอบสวนจึงต้องสอบสวนย้อนหลังไปในช่วงเวลา 2 วัน ก่อนเข้ารับการรักษาว่า นพ.ประกิตเผ่า ไปอยู่กับใครและเดินทางไปที่ไหนบ้างเพื่อเก็บข้อมูลรายละเอียดบุคคลและสถานที่ทั้งหมดมาวิเคราะห์อีกครั้ง

เตรียมสอบกลุ่มคนใกล้ชิด


จากนั้นจะเชิญตัวพยานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาสอบถามว่า ในช่วงที่อยู่ด้วยกันนั้น นพ. ประกิตเผ่า มีอาการอย่างไร กินอาหาร หรือดื่มเครื่องดื่มชนิดใด และเดินทางไปสถานที่ใดบ้างเพื่อเป็นแนวทางการสืบสวนหาที่มาของสารอีเฟ ดรีนว่า

1.เข้าไปอยู่ในร่าง นพ.ประกิตเผ่า ตั้งแต่เมื่อไร
2.ใครนำสารตัวนี้เข้าไปในร่างกาย และ
3.ใช้วิธีการใดนำเข้าไป

อย่างไรก็ดีคาดว่า


ทางตำรวจยังคงต้องรอดูผลด้วยว่าในวันที่ 9 มี.ค. ทาง นพ.ประกิตเผ่า จะสามารถเดินทางมาที่ศาล ได้ด้วยตนเองหรือไม่ เนื่องจากถ้า นพ.ประกิตเผ่า เดินทางมาได้เองอาจจะมีการซักถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดก็เป็นได้


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์