กรณีมีรายงานพบประชาชนติดเชื้อและเสียชีวิตจากไวรัสไข้หวัดนก 2 สายพันธุ์ ใน 3 ประเทศในเอเชีย
คือผู้ติดเชื้อสายพันธุ์เอช 7 เอ็น 9 รายใหม่ที่จีน อีก 3 ราย ทำให้มีผู้ติดเชื้อทั้งหมด 21 ราย เสียชีวิตแล้ว 6 ราย สายพันธุ์ เอช 5 เอ็น 1 ที่เวียดนาม 1 ราย เป็นเด็กวัย 4 ขวบ และที่กัมพูชาสายพันธุ์เอช 5 เอ็น 1 อีก 8 ราย ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 6 รายนั้น
เมื่อวันที่ 10 เม.ย.นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า
ได้มอบหมายกรมควบคุมโรคติดตามสถานการณ์โรคในต่างประเทศกับองค์การอนามัยโลกอย่างใกล้ชิด โดยเชื้อไวรัสไข้หวัดนกที่แพร่มาจากสัตว์ปีกสู่คนทั้ง 2 สายพันธุ์คือ สายพันธุ์เอช 5 เอ็น 1 และสายพันธุ์ เอช 7 เอ็น 9 เป็นเชื้อไวรัสที่อยู่ในตระกูลของไข้หวัดใหญ่ชนิดเอทั้งคู่ แต่ยังไม่พบหลักฐานการแพร่จากคนสู่คนและยารักษาผู้ป่วยที่มีใช้อยู่ขณะนี้คือยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์และซานามิเวียร์ยังใช้ได้ผลดี แต่ได้จับมือทุกหน่วยงานพร้อมรับมือการระบาดทั้ง 2 สายพันธุ์
แม้ในไทยจะยังไม่พบผู้ติดเชื้อไข้หวัดนกสายพันธุ์เอช 7 เอ็น 9 รวมทั้งไม่พบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์เอช 5 เอ็น 1 ติดต่อกันมาเกือบ 7 ปี
และไม่พบการติดเชื้อในสัตว์ปีกตั้งแต่ ปี 51 แต่สถานการณ์การติดเชื้อในคนต่างประเทศเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จึงเน้นมาตรการเฝ้าระวังให้มีประสิทธิภาพ เพื่อตรวจจับการระบาดได้รวดเร็ว โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้มีวันหยุดยาวติดต่อกัน 5 วัน ประชาชนอาจเดินทางไปเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ ได้สั่งการให้อาสาสมัครสาธารณสุขทั่วประเทศเฝ้าระวังไข้หวัดนก หากพบสัตว์ปีกทั้งที่เลี้ยงตามบ้าน และสัตว์ปีกที่อยู่ในป่าและตามทุ่ง ป่วยหรือตายผิดปกติ ขอให้แจ้งปศุสัตว์ เพื่อเก็บซากสัตว์ปีกไปตรวจหาเชื้อ หากพบผู้เดินทางกลับจากต่างประเทศมีอาการปอดบวม ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุข
นอกจากนี้ให้โรงพยาบาลทุกแห่ง รวมทั้งประสานโรงพยาบาลเอกชน เฝ้าระวังผู้ป่วยโรคปอดบวมรุนแรงทุกรายเพื่อซักประวัติคัดแยกว่าติดเชื้อไข้หวัดนกหรือไม่ โดยขณะนี้ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ทุกแห่งพร้อมตรวจยืนยันเชื้อไข้หวัดนกตลอด 24 ชั่วโมง ขณะที่กระทรวงฯได้สำรองยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ไว้ในโรงพยาบาลทุกแห่ง และสำรองไว้ส่วนกลางประมาณ 4 ล้านเม็ด
ด้านนพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดสธ. กล่าวว่า ขณะนี้องค์การอนามัยโลกได้ให้ทุกประเทศติดตามเฝ้าระวังโรคอย่างต่อเนื่อง
แต่ยังไม่มีข้อห้ามการเดินทางไปต่างประเทศที่มีรายงานผู้ป่วย แต่ให้ยึดหลักปฏิบัติตัวการป้องกันโรค คือกินร้อน ใช้ช้อนกลางและหมั่นล้างมือ หลีกเลี่ยงสัมผัสสัตว์ปีกรวมทั้งนกตามธรรมชาติ หากผู้เดินทางมีอาการป่วยคล้ายโรคไข้หวัดใหญ่คือมีไข้สูง ไอ ปวดเมื่อยตามร่างกาย และเคยมีประวัติสัมผัสสัตว์ปีก ขอให้รีบไปพบแพทย์ แจ้งประวัติการสัมผัสสัตว์ปีกให้แพทย์ทราบ เพื่อให้การดูแลรักษาได้อย่างถูกต้องตามแนวทางที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด