หวั่นยอดตาย7วันอันตรายพุ่งกว่า320ศพ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 10 เม.ย. ในสังคมออนไลน์ทั้งเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์และยูทูป ยังมีการแชร์ข้อมูลเรื่องข้อห้ามการเล่นสาดน้ำสงกรานต์ 11 ข้อ แม้ว่าตำรวจจะออกมาปฎิเสธแล้วก็ตาม โดยส่วนใหญ่กังวลว่าวันที่ 11-17 เม.ย. นี้จะเข้าสู่ช่วงการรณรงค์ความปลอดภัย  7 วันอันตรายยอดตายเป็นศูนย์ จะอดเล่นสาดน้ำสงกรานต์กันแบบสุดเหวี่ยงอย่างที่เคยเป็น

อย่างไรก็ตามก็มีชาวเน็ตจำนวนมากที่ออกมาสนับสนุนให้ตำรวจจับปรับผู้ฝ่าฝืนข้อห้าม เนื่องจากขณะนี้แม้ยังไม่เข้า 7 วันอันตราย แต่ยอดตายจากอุบัติเหตุก็พุ่งสูงจำนวนมาก อาจจะทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเพิ่มจากปี 55 ที่มีผู้บาดเจ็บรวม 3,320 ราย เสียชีวิต 320 ราย ส่วนปี 54 เสียชีวิต 271 รายก็เป็นได้

ขณะที่พล.ต.ต. ปิยะ อุทาโย โฆษกตร. กล่าวถึงข้อกังวลของประชาชนและความสับสนในการเล่นสาดน้ำสงกรานต์บนรถกระบะว่า โดยข้อกฎหมายตามพ.ร.บ.จราจรฯ ห้ามนั่งหรือยืนบนกระบะที่ไม่มีหลังคา ดังนั้นการเล่นสาดน้ำบนกระบะถือว่าอันตราย แต่ช่วงเทศกาลสงกรานต์ตำรวจพิจารณาถึงความปลอดภัยเป็นหลัก ถ้ายืนสาดน้ำขณะรถวิ่งถือว่าอันตราย แต่หากสาดน้ำระหว่างรถจอดไม่เป็นอันตราย ตำรวจจะเรียกมาตักเตือนและแนะนำความปลอดภัย เพราะมีเป้าหมายไม่เน้นจับกุมต้องการให้ประชาชนสนุกสนานเล่นสงกรานต์ ส่วนการดื่มเหล้าหรือจำหน่ายสุราฝ่าฝืนกฎหมายการทำอนาจารเต้นโชว์ลามกจะจับกุมทันที

อย่างไรก็ตามในหลายพื้นที่ ก็เป็นดุลยพินิจของตำรวจที่จะออกข้อบังคับเช่นล่าสุด ในจ.พระนครศรีอยุธยาก็มีการออกข้อบังคับห้ามรถกระบะบรรทุกน้ำเข้าในพื้นที่เกาะเมือง เพราะตำรวจก็ต้องการให้ประชาชนเล่นสาดน้ำสงกรานต์อย่างสนุกสนานตามประเพณี แต่ก็ต้องระมัดระวังปัญหาอุบัติเหตุและการจราจรด้วย

ขณะที่พล.ต.อ. อดุลย์ แสงสิงแก้ว  ผบ.ตร. ระบุว่า ช่วง 7 วันอันตราย 11-17 เม.ย. จะใช้กำลังตำรวจ 8 หมื่นนายทั่วประเทศ ดูแลความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชนเน้นถนนจุดเสี่ยงเกิดอุบัติเหตูสูง และที่มีการจัดเล่นสาดน้ำสงกรานต์ อาทิ ถนนข้าวสาร ถนนสีลม ถนนอักษะ ถนนข้าวเหนียว รวมทั้งถนนสายหลักและสายรอง บูรณาการการร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

ส่วนนพ. แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ กล่าวว่า ปีนี้ยังตั้งรางวัลสำหรับจังหวัดที่มียอดตายเป็นศูนย์เช่นเดิม แบ่งพื้นที่เป็นโซนอันตราย อาทิ โซนสีแดงความเสี่ยงสูง 15 จ. ได้แก่  ร้อยเอ็ด จันทบุรี สุพรรณบุรี สุราษฎร์ธานี  ขอนแก่น นครศรีธรรมราช สระบุรี พระนาครศรีอยุธยา กรุงเทพฯ เพชรบูรณ์ เชียงราย นครสวรรค์ เชียงใหม่
นครราชสีมา และพิษณุโลก  หากไม่มีผู้เสียชีวิตจะให้ 1 ล้านบาท พร้อมโล่เกียรติยศ   พื้นที่เสี่ยงน้อยจะลดหลั่นกันไปโดยน้อยสุดจะได้ 3 หมื่นบาท  ด้าน ม.ล.ปนัดดากล่าวว่า  ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคุมเข้มถนนทางกลวง 10 จุดเสี่ยงที่เกิดอุบัติเหตุสูง ขณะที่พล.ต.ท. อำนาจ กล่าวว่า ตำรวจเน้นบังคับใช้กฎหมาย ในข้อหาหลักๆ อาทิ เมาไม่ขับ โทรแล้วขับ ขับรถเร็ง ขับย้อนศพ และไม่สวมหมวกนิรภัย   

สำหรับข้อห้ามสงกรานต์ 2556  ที่มีการแชร์กันจนสนั่นโลกออนไลน์ ถึงขั้นทำให้ตำรวจออกมาปฎิเสธก่อนหน้านี้คือ

1. ห้ามซื้อ และขายสินค้าบนไหล่ทาง หากผู้ใดฝ่าฝืน มีโทษทั้งจำทั้งปรับ

2. ห้ามเปิดเครื่องเสียง หากผู้ใดฝ่าฝืน มีโทษทั้งจำทั้งปรับ

3. ห้ามรถกระบะบรรทุกถังน้ำสาดตามท้องถนน หากฝ่าฝืน มีความผิดฐานสร้างความเดือดร้อน แต่หากมีการฝ่าฝืนข้อห้าม และส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุ ผู้ฝ่าฝืน มีความผิดดังต่อไปนี้

 ในกรณีเกิดอุบัติเหตุ จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ : ผู้ฝ่าฝืนมีความผิดฐานประมาทจนทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ

 ในกรณีเกิดอุบัติเหตุ จนมีผู้เสียชีวิต : ผู้ฝ่าฝืนมีความผิดฐานประมาทจนทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

 ในกรณีเกิดอุบัติเหตุ จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ และมีผู้เสียชีวิตด้วย : ผู้ฝ่าฝืน มีความผิดฐานประมาทจนทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ และถึงแก่ความตาย

4. ห้ามนั่งหรือยืนบนหลังกระบะเพื่อเล่นน้ำสงกรานต์

5. ห้ามเล่นปืนฉีดน้ำแรงดันสูง หากผู้ใดฝ่าฝืน มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

6. ห้ามนำน้ำแข็งปาใส่กัน หากผู้ใดฝ่าฝืน ถูกจับทันที

7. ห้ามทำลามกอนาจารหญิงสาว หากผู้ใดฝ่าฝืน ถูกจับทันที โดยมีความผิดฐานกระทำการอนาจาร ต่อเด็กหญิง หรือสตรี

8. ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในพื้นที่เล่นน้ำสาธารณะ หากเป็นการขายให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี หรือขายให้ผู้ที่เมาอยู่แล้ว มีโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 ปี

9. ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนรถ โดยในกรณีนี้ ทั้งผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร ที่ดื่มแอลกอฮอล์ จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

10. ห้ามเล่นแป้ง หากพบ จะมีการตักเตือน แต่สำหรับผู้จำหน่ายแป้ง มีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท

11. ห้ามเมาแล้วขับรถ หากผู้ใดฝ่าฝืน มีโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับตั้งแต่ 5,000-20,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และให้ศาลสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ของผู้นั้นมีกําหนดไม่น้อยกว่าหกเดือน หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่.