เมื่อวันที่ 5 เมษายน ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รอง ผบช.น.
ในฐานะหัวหน้าชุดตรวจสอบการดำเนินการกิจการสถานบริการและสถานประกอบการ (ชตส.บช.น.) เปิดเผยว่า ปัญหาดังกล่าวได้มีการหารือกับ พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. โดย พล.ต.อ.เอกมอบให้ พล.ต.ต.วิชัย รัตนยศ รอง ผบช.สำนักงานกฎหมายและคดี (รอง ผบช.กมค.) ดูแลเรื่องกฎหมายในส่วนนี้ และได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ชูชาติ น้อยคนดี รอง ผบก.อก.บช.น. ประมวลเรื่องทั้งหมด คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสัปดาห์หน้า จากนั้นจะนัดประชุมอีกครั้งและประมวลเรื่องทั้งหมดส่งไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เพื่อพิจารณาเสนอต่อกระทรวงมหาดไทยอย่างเป็นทางการต่อไป
พล.ต.ต.อดุลย์กล่าวต่อว่า ขณะนี้มีแนวคิดในการปรับโซนนิ่ง 2 แนวทาง คือ 1.ยกเลิกโซนนิ่งทั้งหมด คือ ฟรีโซน และกำหนดว่าจุดใดตั้งสถานบริการได้ หรือบางจุดใกล้โรงเรียน หรือชุมชนก็เปิดไม่ได้ เป็นต้น ส่วนนี้กฎหมายกำหนดอยู่แล้วแต่จะทำให้ครอบคลุมมากขึ้น 2.การกำหนดโซนนิ่งใหม่ เพราะที่มี 3 โซน คือ รัชดาภิเษก เพชรบุรีตัดใหม่ (อาร์ซีเอ) และพัฒน์พงษ์ขณะนี้ใช้ไม่ได้แล้ว พวกในโซนมีไม่มาก แต่นอกโซนมีประมาณกว่า 1,000 แห่ง ทำให้ไม่มีปัญญาดูแล
"สำหรับในโซนเหมือนเป็นเด็กดี ถูกจับก็ปิด 60 วัน จึงมีพวกไปเปิดนอกโซนมากขึ้นหรือมีใบอนุญาต แต่ก็ไม่ยอมมาต่ออีก บางครั้งมีการจับถูกปรับ 8,000, 6,000 หรือ 3,000 บาท ส่วนโทษจำคุกรอลงอาญา 1 เดือน วันนี้จับ นาย ก. เป็นผู้จัดการ พรุ่งนี้เปลี่ยนเป็นนาย ข. แทนแล้ว ไม่กลัวเพราะขายได้วันละเป็นแสนบาท
จับแล้วก็ไม่มีอะไร เงินเข้ารัฐก็ได้น้อยนิดจากเด็กดี ส่วนเด็กดื้อจ่ายเป็นหมื่นเป็นแสนก็ยอมเพื่อให้ได้เปิด
จึงเป็นปัญหาที่ไล่เรียงมาจากชุดปฏิบัติการ หัวหน้าสถานี และผู้ประกอบการ ต้องเอามาให้อยู่ในกรอบเพื่อควบคุมได้ทั้งหมด บางรายไม่มาต่อใบอนุญาต ในร่างกฎหมายใหม่นี้พวกไม่ต่อใบอนุญาตและไม่มีใบอนุญาต จะมีโทษจำคุก 7-10 ปี ตอนนี้มีการร่างกฎหมายขึ้นมาแล้ว เบื้องต้นทางกระทรวงมหาดไทยเห็นชอบ หากมีการเห็นชอบตามขั้นตอนหรือเป็นทางการ ต่อไปจะผลักดันเข้า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา เพื่อเสนอให้มีการดำเนินการเป็นกฎหมาย หลังจากนี้พวกที่จะมาเป็นตัวแทนต้องติดคุกจริง 7 ปี ต่อไปก็ไม่มีใครกล้าเปิด คาดว่าปี 2557 ก่อนเข้าสู่ประชาคมอาเซียนจะออกกฎหมายได้ ขณะนี้พร้อมแล้ว เพราะแก้ไม่กี่มาตรา" รองผบช.น.กล่าว
พล.ต.ต.อดุลย์กล่าวอีกว่า ให้แต่ละ บก.แต่ละพื้นที่ไปดูและจัดพวกอยู่นอกโซน เข้ามาอยู่ในโซน
ส่วนพวกอยู่นอกโซนแล้วมีใบอนุญาตก็จะพิจารณา หากพบผิดก็จะยกเลิกใบอนุญาตต่อไป ทาง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว และ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. บอกว่าหากร้านใดมีปัญหาก็ไม่ต้องต่อใบอนุญาตให้ จะได้หายไปเลย แนวคิดตอนนี้จึงจะเปิดฟรีโซนและกำหนดโซนให้แต่ละ บก. เสนอเข้ามา หากทำสำเร็จ ตร.จะใช้ บช.น.เป็นต้นแบบ ก่อนจัดการทั่วประเทศใหม่
"สำหรับเรื่องเวลาเป็นประเด็นที่มีการพูดคุย เพราะผู้มาใช้บริการอาจมา 23.00-24.00 น. แต่พอเวลา 01.00 น. ก็ปิดแล้ว ทำให้เที่ยวไม่เต็มที่ เลยมีแนวคิดว่าหากอยู่นอกโซน ไม่กระทบชาวบ้านอาจเปิดได้ถึงเวลา 03.00-04.00 น. เพื่อรองรับอาเซียน และชาวต่างชาติก็มาเที่ยวได้ แต่ต้องกวดขันเรื่องยาเสพติด อาวุธปืน และเยาวชนให้ชัดเจน เพราะปัจจุบันปิดเวลาประมาณ 02.00 น." รอง ผบช.น.กล่าว และว่า อีกประเด็นคือ สถานบริการที่มี 5 วงเล็บ บางประเภทเปิดได้ถึงเวลา 24.00 หรือ 01.00 น. หรือ 02.00 น. แต่บางประเภทเปิดได้ตั้งแต่เวลา 12.00 น. ก็ควรต้องปรับให้เหมือนๆ กัน ต้องนำเสนอให้มีเหตุผลเพื่อให้เกิดความชัดเจน ขั้นตอนหลังจากนี้คงใช้เวลาไม่นานมาก ทำงานร่วมกันมาตลอด ต่อไปจำคุก 7-10 ปี ในข้อหาเปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ไม่มีใครกล้า แต่หากปรับไม่กี่พันบาทก็ยังเปิดเหมือนเดิม จำต้องแก้ไขในส่วนนี้ ต่อไปผู้จัดการ เจ้าของ หรือกรรมการผู้จัดการก็จะโดนด้วย ในส่วนนี้ต้องแก้ปัญหา
พล.ต.ต.อดุลย์กล่าวอีกว่า หลังจากขั้นตอนแรกสำรวจแล้ว ขั้นตอนที่ 2 คือ ปรับโซนนิ่ง แก้กฎหมาย และขั้นต่อไปในปีหน้าจะให้เป็นสถานบริการสีขาว กำหนดดาวให้ ปลอดยาเสพติด อาวุธปืน นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศมาเที่ยวจะได้สบายใจ
"ทุกวันนี้มีคนมาขอเคลียร์จะเอาเงิน เอาพระมาให้ ผมบอกว่ากลับไปซะ เพราะไม่เอา เราต้องการทำให้ถูกต้อง อาจไม่ถูกต้อง 100 เปอร์เซ็นต์ แต่อยู่ในกรอบต้องทำ อาจมีบางคนต่อว่าตำรวจ แต่ทุกวันนี้หน้างานก็เยอะ ออกไปตรวจตราจับได้สัปดาห์ละ 1 ครั้ง เดือนละ 4 ครั้ง ไม่มีเวลาไปตามจับทั้งหมด ที่บอกว่าพื้นที่ไม่จับ เพราะบางครั้งงานอื่นๆ ก็มี แต่ปัญหาสำคัญคือ จับวันนี้ปรับก็มาเปิดอีก จึงต้องแก้กฎหมายในส่วนนี้ให้เบ็ดเสร็จชัดเจนแน่นอน" รอง ผบช.น.กล่าว
ทางด้านกรุงเทพมหานคร (กทม.) นายวินัย ลิ้มสกุล ผู้อำนวยการสำนักการโยธา กทม.กล่าวว่า
จนถึงขณะนี้ ตร.ยังไม่ได้รับการประสานหรือติดต่อขอข้อมูลอาคารสถานบริการต่างๆ ในกรุงเทพฯ ผ่านสำนักการโยธา กทม.แต่อย่างใด และว่า การที่ ตร.จะจัดโซนนิ่งสถานบันเทิงนั้น ต้องดูว่าเน้นความผิดด้านกฎหมายอาคารหรือเรื่องอื่นๆ เพราะปกติข้อมูลเรื่องการก่อสร้างอาคารต่างๆ จะอยู่ที่สำนักงานเขต หากเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นตรวจพบว่าผิด พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2535 จะแจ้งให้เจ้าของอาคารแก้ไข หากไม่ดำเนินการจะสั่งระงับการใช้งานอาคารดังกล่าวทันที
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
