มะกันเกินครึ่งหนุนรัฐบาลช่วยเกาหลีใต้หากเกิดสงคราม
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 4 เม.ย. ว่า ชาวอเมริกันกว่าครึ่งสนับสนุนให้รัฐบาลช่วยเหลือเกาหลีใต้หากเกิดสงคราม ขณะที่ทำเนียบขาวยืนยันยังจับตาสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนด่านข้ามเข้าสู่เขตอุตสาหกรรมร่วมระหว่างเกาหลีเหนือและใต้ยังคงปิดต่อเนื่องเป็นวันที่สาม
ผลสำรวจความคิดเห็นชาวอเมริกันโดยสำนักวิจัย “แกลลัพ” รวบรวมความคิดเห็นทางโทรศัพท์จากกลุ่มตัวอย่าง 1,025 คน ระหว่างวันที่ 3-4 เม.ย. ระบุว่า 55% เห็นด้วยที่รัฐบาลวอชิงตันจะส่งกำลังทหารเข้าช่วยเหลือเกาหลีใต้ หากฝั่งเหนือเป็นฝ่ายเปิดฉากรุกราน ขณะที่ 34% ไม่เห็นด้วย และ 11% ไม่มีความคิดเห็น
ด้านนายเจย์ คาร์นีย์ โฆษกทำเนียบขาว แถลงว่า แม้ท่าทีแข็งกร้าวและรุนแรงของเกาหลีเหนือจะไม่ต่างจากพฤติกรรมข่มขู่ที่เคยแสดงมาดังเช่นในอดีต แต่ทางการสหรัฐยังคงจับตาดูทุกความเคลื่อนไหวของรัฐบาลเปียงยางทุกนาที และมีแผนรับมือต่อทุกเหตุการณ์ที่ไม่ว่าจะเป็นไปตามแถลงการณ์ของนายคิม จอง-อึน หรือเป็นเหตุการณ์ไม่คาดฝันนอกเหนือจากนั้นก็ตาม
อย่างไรก็ดี รัฐบาลวอชิงตันเชื่อว่า ประชาคมโลกส่วนใหญ่ต้องการให้มีการเปิดโต๊ะเจรจาเพื่อหาทางออกร่วมกันอย่างสันติ มากกว่าที่จะมีการใช้กำลังและอาวุธมาต่อสู้กัน เนื่องจากพฤติกรรมยั่วยุและข่มขู่ที่ผ่านมาของเกาหลีเหนือนั้น มีแต่จะเป็นตัวกลับไปบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาลเปียงยางในระดับนานาชาติ และจะส่งผลกระทบระยะยาวต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศเองทั้งสิ้น
ดังนั้น สหรัฐจึงขอเรียกร้องให้คณะผู้นำเกาหลีเหนือล้มเลิกความตั้งใจที่จะก่อความรุนแรงทุกประเภทโดยเร็วที่สุด และหันหน้ามาร่วมกันสร้างสันติภาพในภูมิภาคจะดีกว่า
ขณะที่บรรยากาศบริเวณจุดตรวจผ่านเข้า-ออกนิคมอุตสาหกรรม “แกซอง” ที่เมืองปาจู ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาหลีใต้ในวันนี้ เงียบสงบเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน หลังฝั่งเหนือประกาศห้ามมิให้พลเรือนของฝั่งใต้เดินทางเข้าไปยังนิคมอุตสาหกรรมแห่งนี้ ซึ่งตั้งอยู่ในเขตแดนของฝั่งเหนือ ห่างจากเส้นแบ่งพรมแดนระหว่างทั้งสองประเทศราว 10 กิโลเมตร
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น กระทรวงรวมชาติเกาหลีใต้รายงานว่า วันนี้เป็นวันหยุดทำงานตามระเบียบของแกซอง บรรยากาศจึงเงียบเหงา โดยในส่วนของรายงานล่าสุด มีประชาชนฝั่งใต้เดินทางกลับออกมาแล้ว 253 คน และยังเหลืออีก 608 คน