นางสุภาพรกล่าวว่า ดีใจมากที่พล.ต.อ.พงศพัศมาเยี่ยมและดูแลความปลอดภัยของประชาชน
ตนอยากให้ช่วยดูแลเรื่องความปลอดภัยของตนเองและครอบครัวหลังจากนี้ เพราะกลัวถูกทำร้ายในภายหลัง ตนยอมรับว่าเคยคิดทำเรื่องกู้ธนาคารออมสิน แต่ติดที่ระเบียบเยอะต้องหาคนค้ำประกัน จึงหันมากู้เงินรายวันซึ่งสะดวกกว่า และที่สำคัญพวกเงินกู้นอกระบบจะเดินเข้ามาหาลูกค้าเอง โดยเฉพาะนายรุ่งโรจน์ หัวหน้าแก๊ง เคยนำนามบัตรมาวางให้ถึงที่แผง ตนจึงตัดสินใจขอกู้ในวงเงิน 7 พันบาท และขอส่งทั้งเงินต้นและดอกเป็นรายวัน วันละ 300 บาท นาน 1 เดือน แต่ก่อนเกิดเหตุตนขาดส่งแค่ 4 วัน เพราะขายของไม่ได้ก็ถูกรุมทำร้าย
พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า ปัญหาแก๊งทวงหนี้นอกระบบ ในปัจจุบันถือเป็นปัญหาสำคัญที่สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน
โดยเฉพาะชาวบ้านรากหญ้า เมื่อเกิดกรณีลงไม้ลงมือทำร้ายร่างกายกัน ทำให้สังคมยอมรับไม่ได้ คดีนี้ผู้ก่อเหตุต้องว่ากันไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ส่วนมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยผู้เสียหาย ตนได้ประสานให้พ.ต.อ.ภาดล ประภานนท์ รอง ผบก.น.9 ช่วยดำเนินการแล้ว โดยการจะจัดสายตรวจไปตรวจตราบริเวณตลาดบางแคให้มากขึ้น ซึ่งหลังจากที่ตนกลับเข้ามารับราชการตำรวจ ก็จะติดตามความคืบหน้าให้อย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญ จะต้องหาแนวทางแก้ไขปัญหานี้ให้ได้อย่างยั่งยืน โดยประสานกับทางกรุงเทพมหานครเรื่องกองทุนชุมชนเมือง ที่จะนำเงินมาปล่อยกู้โดยคิดดอกเบี้ยราคาถูก ชาวบ้านจะได้ไม่ต้องรับภาระ จากการคิดดอกเบี้ยราคาแพงของโต๊ะเงินกู้นอกระบบ
ผมต้องขอแสดงความยินดีกับม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ที่กกต.มีมติรับรองให้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ดูแลประชาชนเมืองหลวงต่อไป ส่วนผมก็จะนำเอกสารไปยื่นเรื่องขอกลับเข้ารับราชการตำรวจในตำแหน่งเดิมกับทางกตร. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อกลับมารับใช้พี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่อีกครั้ง โดยในระหว่างที่รอการพิจารณาและรอรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ผมก็จะทำหน้าที่รับฟังปัญหาของพี่น้องประชาชนไปเรื่อยๆ ก่อน เพื่อเตรียมข้อมูลและลงมือแก้ไขปัญหาอย่างทันท่วงทีเมื่อกลับไปรับราชการ ซึ่งตอนนี้คิดเอาไว้แล้วว่าจะทำอะไรบ้าง เนื่องจากในช่วงที่เป็นผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มีโอกาสลงพื้นที่ไปรับฟังปัญหาต่างๆ จากชาวบ้านมากมาย พล.ต.อ.พงศพัศกล่าว
พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวอีกว่า สิ่งแรกที่ตนคิดจะทำหลังจากได้กลับเข้ามาดำรงตำแหน่ง คือ ต้องทำตำรวจชุมชนทุกโรงพักให้เข้มแข็ง
ให้กำลังพลเหล่านี้เดินหน้ารุกไปหาชาวบ้านถึงในชุมชน ไปรับฟังความคิดเห็น รับฟังปัญหา ไปดำเนินการสร้างกระบวนการเชื่อมโยงกันระหว่างประชาชนกับข้าราชการตำรวจให้ดีกว่านี้ ซึ่งเราจะสามารถนำข้อร้องเรียนทั้งหมด มาพิจารณาและหาทางออกให้กับชาวบ้านได้อย่างทันท่วงที
โดยเฉพาะเรื่องแก๊งทวงหนี้นอกระบบ ที่วันนี้ได้ฟังปัญหาจากปากผู้เสียหายแล้วว่า
เคยคิดจะกู้เงินในระบบแต่ติดอุปสรรคมากมายจนต้องหันหน้าไปพึ่งพานายทุนหน้าเลือด ต่อจากนี้จะต้องทำให้ชาวบ้านเข้าหาเงินทุนที่ทางหน่วยราชการจัดมาให้กู้ได้ง่ายยิ่งขึ้น อาทิ กองทุนชุมชนเมือง ที่สามารถกู้ได้โดยมีดอกเบี้ยราคาถูก และฝากไปถึงพวกโต๊ะเงินกู้นอกระบบด้วยว่า การใช้ความรุนแรงจะสร้างความเสื่อมเสียต่อสังคมขอให้ท่านหยุดพฤติกรรมดังกล่าวทันที
ส่วนความคืบหน้าเรื่องคดี ร.ต.ต.อิทธิพันธ์กล่าวว่า ตำรวจจับกุมคนร้ายได้ทั้งหมดแล้ว 6 คน มีผู้ใหญ่ 3 คน และเยาวชนอายุไม่ถึง 18 ปี อีก 3 คน
ในส่วนของผู้ใหญ่คือ นายรุ่งโรจน์ และนายชลวิทย์ เที่ยงแท้ อายุ 21 ปี แจ้งข้อหาและนำตัวไปฝากขังที่ศาลอาญาธนบุรี โดยตนแนบท้ายขอคัดค้านการให้ประกันตัวไปด้วย สำหรับผู้ใหญ่อีก 1 คน คือ นายดนุสรณ์ ชาวอุบล อายุ 23 ปี ซึ่งถูกแทงได้รับบาดเจ็บยังนอนพักที่ ร.พ.ราษฎร์พิพัฒน์ ก็ได้อายัดตัวไว้รอหายดีก่อนคุมตัวมารับทราบข้อกล่าวหาและดำเนินการเช่นเดียวกัน ขณะที่เยาวชนอีก 3 คน จะคุมตัวส่งศาลให้สถานพินิจรับตัวไปดูแล ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 6 คน ถูกแจ้งข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกาย ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ และร่วมกันข่มขู่กรรโชกทรัพย์ ซึ่งโทษหนักสุดคือจำคุกไม่เกิน 7 ปี แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล ว่าจะให้ประกันตัวหรือไม่