แฉหมอเผ่า ถูกแก๊งนั่งสมาธิ จับมอมยา

ภายหลังจากที่ศาลมีคำสั่งให้ย้ายด่วน


นพ.ประกิตเผ่า ทมทิตชงค์ อาจารย์และผู้บริหารสถาบันกวดวิชาแอพพลายด์ฟิสิกส์จาก รพ.ศรีธัญญา ไปรักษาที่สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์หรือ รพ.นิติจิตเวชเดิม เพื่อให้แพทย์ ตรวจสอบอาการและวิเคราะห์สภาวะจิตใจอย่างละเอียด ก่อนสรุปความเห็นเสนอต่อศาลในวันที่ 9 มี.ค.นี้

ในขณะที่ครอบครัวของนายแพทย์คนดัง ออกมาระบุว่า


นพ.ประกิตเผ่าน่าจะถูกกลุ่มบุคคลไม่หวังดีมอมยา เพื่อหวังประโยชน์ เนื่องจากตรวจสอบพบสารเอฟริดีน สารต้องห้ามซึ่งมีฤทธิ์ต่อจิตประสาทในปัสสาวะ มากกว่าคนปกติถึง 200 เท่านั้น

ความคืบหน้าที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (5 มี.ค.)


รศ.เพลินจิต ทมทิตชงค์ พร้อมด้วย นพ.ประกิตพันธ์ ทมทิตชงค์ และนางอลิสา ทมทิตชงค์ มารดา พี่ชาย และภรรยา ของ นพ.ประกิตเผ่า ทมทิตชงค์ ได้เข้าพบ พ.ต.ท.สมบัติ มาลัย พงส.(สบ2) กลุ่มงานสอบสวน กองปราบปราม เพื่อยื่นเอกสารคำร้องทุกข์ ขอให้ช่วยสืบสวนหาต้นตอของสารเอฟริดีน ที่พบในร่างกายของนพ.ประกิตเผ่าว่ามาจากไหน หรือปนเปื้อนมากับอะไร เหตุใดถึงเข้าไปอยู่ในร่างกายของ นพ.ประกิตเผ่า ก่อนที่จะเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลศรีธัญญา

เนื่องจากสิ่งที่เกิดขึ้นและกำลังเป็นข่าวอย่างต่อเนื่องอยู่ในขณะนี้


สร้างความเสื่อมเสียให้กับชื่อเสียงวงศ์ตระกูลอย่างไม่เป็นธรรม โดยในเอกสารคำร้องทุกข์ดังกล่าว ระบุด้วยว่าการขอให้ตำรวจกองปราบปรามเข้าช่วยตรวจสอบหาความจริงในครั้งนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาถึงอาการทางจิตของ นพ.ประกิตเผ่า ในชั้นศาลที่จะมีขึ้นในวันที่ 9 มี.ค. นี้แต่อย่างใด

รศ.เพลินจิต ทมทิตชงค์ แม่นายแพทย์เจ้าของสถาบันกวดวิชาชื่อดัง ให้การกับพนักงานสอบสวนว่า


เมื่อช่วงเดือน ก.ย. 49 นพ.ประกิตเผ่าได้ถูก น.ส.เปมิกา วีรชัชรักษิต และเพื่อนชักนำให้เชื่อว่ามีความสามารถในการนั่งสมาธิ หลังจากนั้นบุตรชายก็เริ่มมีอาการผิดปกติ ครอบครัวสันนิษฐานว่าอาจเกิดจากการถูกกระตุ้นด้วยยาเอฟริดีนอย่างต่อเนื่อง จนเกิดอาการทางจิต


หลังจากนั้นตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ. ที่ผ่านมา นพ.ประกิตเผ่าได้หลบหน้าครอบครัว


แต่ยังมีการติดต่อกับ นพ.ประกิตพันธ์ พี่ชาย ทางโทรศัพท์ ในช่วงเวลานั้น ครอบครัวก็เริ่มมีความมั่นใจมากขึ้นว่า นพ.ประกิตเผ่าต้องได้รับสารเอฟริดีนในปริมาณที่สูงมาก ทุกครั้งที่พูดคุยกันทางโทรศัพท์หมอเผ่าจะมีอาการเหนื่อยหอบ พูดจาวกวน สลับกับอาการปกติ โดยเป็นแทบจะทุก 6-8 ชั่วโมง ครอบครัวจึงได้พร้อมใจกันช่วยหาวิธีติดตามตัวหมอเผ่าให้เข้าไปตรวจรักษาอาการผิดปกติดังกล่าวอย่างเร่งด่วน เพราะเกรงว่าอาจจะเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต

แม่ของ นพ.ประกิตเผ่ากล่าวต่อว่า


หลังจากที่นำตัวบุตรชายเข้าตรวจรักษาที่โรงพยาบาลศรีธัญญาแล้ว จึงทราบว่าในร่างกายของหมอเผ่ามีสารเสพติดชื่อเอฟริดีนอยู่ในร่างกาย ในปริมาณที่สูงมากจนมีอาการทางจิต คาดว่าสารดังกล่าว น่าจะสะสมอยู่ในร่างกายตั้งแต่ช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย. 49


เนื่องจากทางครอบครัวเริ่มพบความผิดปกติในช่วงเวลานั้น


ประกอบกับได้ข้อมูลจากนางอลิสา ภรรยาของ นพ.ประกิตเผ่าเล่าให้ฟังว่า เมื่อวันที่ 30 ก.ย.-1 ต.ค. เคยช่วยเหลือ นพ.ประกิตเผ่าพิสูจน์ว่าผู้นำของกลุ่มบุคคลที่อ้างว่ามีความสามารถพิเศษในการนั่งสมาธินั้น สามารถนั่งสมาธิถึงขั้นเข้าฌานได้จริง หลังจากนั้นเป็นต้นมา นพ.ประกิตเผ่าก็เกิดความเลื่อมใสอย่างมาก และมีการคบหากับกลุ่มบุคคลดังกล่าวอย่างลับๆเรื่อยมา เป็นเหตุให้เชื่อว่า นพ.ประกิตเผ่าถูกกระตุ้นด้วยสารเอฟริดีนและใช้จิตวิทยาหมู่ชักจูงให้หลงใหลอย่างต่อเนื่องจนมีอาการทางจิต พร้อมกับเกิดอาการกระสับกระส่ายเมื่อไม่ได้ไปนั่งสมาธิกับกลุ่มคนพวกนั้น ซึ่งแท้จริงแล้ว อาการดังกล่าวน่าจะเกิดจากภาวะที่ร่างกายต้องการสารเอฟริดีนนั่นเอง

หมอเผ่ายังถูกกลุ่มผู้ไม่หวังดีชักจูงความคิด


ให้เชื่อว่ากำลังถูกสมาชิกในครอบครัววางแผนฆ่าเพื่อฮุบทรัพย์สมบัติ จนทำให้มีอาการหวาดระแวงคนในครอบครัวถึงขั้นต้องใส่เสื้อเกราะ และพกปืนติดตัวอยู่ตลอดเวลา เรื่องราวมัวหมองที่เกิดขึ้นกับครอบครัวทมทิตชงค์ในขณะนี้ เชื่อว่ามีกลุ่มผู้ไม่หวังดีที่ต้องการสร้างความร้าวฉานในครอบครัว เพื่อต้องการทรัพย์สินและทำลายธุรกิจโรงเรียนกวดวิชาอย่างแน่นอน


ดังนั้น สมาชิกในครอบครัวทมทิตชงค์จึงเห็นว่า


ต้องเข้าขอความช่วยเหลือจากตำรวจกองปราบปรามให้ช่วยสืบสวนหาความจริงว่าสารเอฟริดีนในร่างกายของหมอเผ่านั้นได้รับมาอย่างไร และใครคือผู้ประสงค์ร้ายกับครอบครัว มารดานายแพทย์ที่ล้มป่วยทางจิตอย่างมีเงื่อนงำกล่าว

ภายหลังรับเรื่องร้องเรียน


พนักงานสอบสวนได้นำ รศ.เพลินจิตและนางอลิสาเข้าพบ พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร ผบก.ป. ภายในสำนักงาน โดย พล.ต.ต.วรศักดิ์ รับปากว่าจะเร่งพิสูจน์ความจริงเรื่องนี้ให้กระจ่างโดยเร็วที่สุด เนื่องจากผู้ป่วยเป็นแพทย์มีชื่อเสียง และเป็นที่สนใจของประชาชน หลังจากนี้จะเรียกประชุมพนักงานสอบสวนที่เกี่ยวข้อง ส่วนจะมอบหมายให้ใครดูแลคดีจะพิจารณาอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม จะเร่งตรวจสอบข้อ เท็จจริงให้ปรากฏโดยเร็ว เนื่องจากครอบครัวของ นพ. ประกิตเผ่าได้รับผลกระทบอย่างมากจากข่าวที่ออกมาอย่างต่อเนื่อง


ขณะเดียวกัน ได้มีกลุ่มนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยรวมกลุ่มกันในนามเครือข่ายจริยธรรม แจ้งว่า


ไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมบางอย่างของ น.ส.เปมิกา วีรชัชรักษิต ที่สร้างความเสื่อมเสียต่อจุฬาลงกรณ์ฯ กรณีออกมาระบุว่าเป็นหญิงสาวใกล้ชิดในทำนองชู้สาวกับนพ.ประกิตเผ่า ผิดศีลธรรม กลุ่มได้มีความเห็นตรงกันว่าจะรวมตัวแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในวันนี้ (6 มี.ค.) เพื่อเคลื่อนไหวเรียกร้องให้ทางมหาวิทยาลัยดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งกับ น.ส.เปมิกา


เช่นเดียวกับที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์


เคยมีบทลงโทษต่อเอมี่-โชติรส สุริยะวงศ์ ดารานักแสดงสาว กรณีแต่งตัวโป๊ไม่เหมาะสม นิสิตกลุ่มนี้ระบุว่าถ้าไม่เคลื่อนไหวใดๆเลย จะทำให้ภาพลักษณ์ของจุฬาลงกรณ์ฯเสื่อมเสีย ขอยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทั้งสิ้น รวมทั้งอาจารย์ของมหาวิทยาลัยด้วย เพียงแต่ต้องการปกป้องชื่อเสียงของสถาบันเท่านั้น ส่วนคดีความจะเป็นอย่างไร ไม่มีความคิดเห็น


นอกจากนี้ ยังมีมือลึกลับแอบอ้างเป็นนิสิตจุฬาฯสงสารครอบครัว นพ.ประกิตเผ่า


ส่งอีเมล์เกี่ยวกับพฤติกรรม ของ น.ส.เปนิกาไปยังสำนักพิมพ์ต่าง ๆ อ้างว่าตอนที่เรียนอยู่ที่คณะจิตวิทยาด้วยกัน น.ส.ศิวพร หรืออุ๋ย ก่อนที่จะเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นเปมิกา มักบอกกับเพื่อนว่ามีคนคอยอิจฉา โทรศัพท์ไปด่าหรือแกล้งเป็นประจำ เป็นเหตุให้ต้องเอ็นทรานซ์หลายครั้ง ครั้งแรกได้วิทยาศาสตร์ จุฬาฯ ครั้งที่ 2 ได้เทคนิคการแพทย์ และครั้งสุดท้ายได้คณะจิตวิทยา จุฬาฯ นอกจากนี้ ยังตั้งข้อสังเกตถึงเรื่องการทำศัลยกรรมแปลงโฉมใบหน้า ว่าตั้งแต่ปี 1, 2, 3 และปี 4 เทอมต้น ยังผิวคล้ำ ริมฝีปากหนา กรามใหญ่ ใบหน้ามีสิว จนกระทั่งปิดเทอมเดือน ต.ค. 49 พอเปิดเรียนมาแทบจำเค้าหน้าเดิมไม่ได้

ในวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์สอบถาม น.ส.เปมิกา วีรชัชรักษิต


เพื่อนสาวสนิทของ นพ.ประกิตเผ่า ถึงเรื่องการทำศัลยกรรมใบหน้า น.ส.เปมิกายอมรับว่า ทำศัลยกรรมใบหน้ามานานกว่า 9 ปีแล้ว ก่อนจะคบหากับ นพ.ประกิตเผ่า เพื่อให้บุคลิกภาพดูดีขึ้น พร้อมกับปฏิเสธจะให้สัมภาษณ์เรื่อง นพ.ประกิตเผ่าอีก เพราะอยู่ระหว่างการเตรียมเรื่องเรียนที่กำลังใกล้จบการศึกษาจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ที่สำคัญคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล

ซึ่งการตัดสินถือเป็นที่สิ้นสุด แต่พร้อมจะให้รายละเอียดทั้งหมดในวันที่ 9 มี.ค.นี้ หลังศาลอาญานัดไต่สวนเป็นครั้งที่ 2 และนัดดูอาการของ นพ.ประกิตเผ่า หลังจากที่ส่งตัวไปรักษาที่สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์


ด้าน นพ.อภิชัย มงคล รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต


กล่าวถึงความคืบหน้าอาการป่วยของ นพ.ประกิตเผ่า ทมทิตชงค์ ภายหลังจากศาลสั่งให้นำตัว นพ.ประกิตเผ่า จากโรงพยาบาลศรีธัญญาเข้ารักษาที่สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ว่า ขณะนี้อาการของ นพ.ประกิตเผ่าค่อยๆ ทุเลาดีขึ้น สังเกตได้จากผู้ป่วยให้ความร่วมมือกับแพทย์ ผู้ให้การรักษาเป็นอย่างดี ซึ่งการที่แพทย์ทราบสาเหตุของอาการป่วย ทำให้การรักษาง่ายขึ้น โดย นพ.ประกิตเผ่า อาจจะหายขาดเป็นปกติได้ในเวลาประมาณ 1 เดือน ทั้งนี้ อาการผิดปกติทางสมอง หรือจิตใจนั้น หากไม่ทราบสาเหตุถือว่ารักษาให้หายเป็นปกติยากกว่า

ในส่วนการตรวจพบสารเอฟริดีน


ที่ตกค้างในร่างกายเกินกว่า 200 มิลลิกรัม ในครั้งแรกนั้น ขณะนี้ร่างกายได้ขับสารออกไปหมดแล้ว ประเด็นที่ต้องติดตาม คือ นพ.ประกิตเผ่าได้รับสารนี้อย่างไร โดยครอบครัวก็ได้ร้องขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบหาที่มาของสารดังกล่าว ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) โดยเฝ้าระวังอาหารเสริมที่ต้องสงสัยซึ่งมีเอฟริดีนเป็นส่วนประกอบอยู่ในรูปการรับประทาน อย. ถือเป็นผลิตภัณฑ์ห้ามขาย แต่อาจมีการเล็ดลอดนำเข้ามาได้


เนื่องจากมีจำหน่ายอย่างแพร่หลายในอเมริกา


ลักษณะของยาเม็ดบำรุงร่างกาย แต่ต้องมีข้อคำเตือน เช่น เลิกรับประทานยาภายใน 7 วัน อีกทั้งเป็นที่นิยมในกลุ่มนักกีฬา ใช้ลดน้ำหนัก แต่ต้องใช้ในปริมาณไม่มาก แต่หากใช้ไปในทางผิดวัตถุประสงค์ติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจทำให้มีอาการดื้อยา หรือมีความต้องการที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ


ซึ่งในอเมริกาพบว่า


มีผู้เสียชีวิตจากการใช้ยาเอฟริดีนถึง 155 ราย จากอาการกล้ามเนื้อหัวใจตาย หัวใจวายเฉียบพลัน นอกจากนี้ยังพบผู้มีอาการทางจิตด้วย สำหรับข้อสันนิษฐานในการฉีดสารดังกล่าวเข้าร่างกาย ไม่น่าเป็นไปได้ เนื่องจากตามหลักทางการแพทย์ หากผู้ที่ไม่เคยใช้สารชนิดนี้มาก่อนแล้วฉีดเข้าไปอาจทำให้หัวใจวายได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้ป่วยมีสติสามารถตอบคำถามได้ น่าจะเป็นผู้ให้คำตอบได้ชัดที่สุดว่า สารชนิดนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร นพ.อภิชัยกล่าว


ด้าน นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. กล่าวว่า


สารเอฟริดีน เป็นสารออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ประเภท 2 ปีที่ผ่านมา อย.นำเข้า 1 กิโลกรัมเศษ และมั่นใจว่าไม่มีการจำหน่ายยาฉีด หรือยาในรูปแบบผง หรือเม็ด อยู่ในท้องตลาด แต่พบสารนี้ได้ในสมุนไพรจีนชื่อมาฮวง แต่ปัจจุบันไม่ค่อยมีใครใช้แล้ว

แต่เพื่อความไม่ประมาท วันที่ 6 มี.ค.นี้


จะส่งเจ้าหน้าที่ออกไปตรวจสอบย่านเยาวราช ว่ามีสมุนไพรมาฮวงจำหน่ายอยู่หรือไม่ รวมทั้งสุ่มตรวจผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ที่มักพบว่ามีการลักลอบผสมสารเอฟริดีนในยาลดน้ำหนัก แพทย์ระบุ สารเอฟริดีน ถ้าใช้ในปริมาณมากจะทำให้ใจสั่น นอนไม่หลับ แต่ถ้าใช้ติดต่อกันเป็นเดือน จะทำให้ประสาทหลอน หวาดระแวง คล้ายกับกินยาบ้าได้


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์