สรรพสามิตไล่เช็กบิลรถคันแรก ผิดเงื่อนไขสละสิทธิแล้ว2พันคัน จี้คืนเงินภายใน30วันพร้อมดอกเบี้ย
รถคันแรกเริ่มพ่นพิษ แห่สละสิทธิขอคืนภาษีแล้ว 2 พันคัน สรรพสามิตชี้มีทั้งผิดเงื่อนไขอายุไม่ถึง 21 ไม่ใช่รถคันแรก ทำผิดสัญญาถือครอง 5 ปี เร่งตรวจสอบจี้คืนเงินภายใน 30 วันไม่งั้นฟ้องรวด ยอมให้ผ่อนใช้คืน แต่ต้องจ่ายดอกเบี้ย 15% ด้วย
แหล่งข่าวจากกรมสรรพสามิตเปิดเผยว่า ขณะนี้มีตัวเลขแจ้งเข้ามาในระบบติดตามการดำเนินโครงการคืนเงินรถยนต์คันแรก ของกรมพบว่า มีผู้ใช้สิทธิซื้อรถยนต์ในโครงการแจ้งขอสละสิทธิการเข้าโครงการแล้ว 2 พันราย โดยมาจากหลายสาเหตุ ทั้งผิดเงื่อนไขตั้งแต่แรก เช่น อายุไม่ถึง 21 ปี ไม่ใช่รถคันแรกจริง ซื้อก่อนเริ่มโครงการ เป็นต้น ซึ่งกรมจะตรวจสอบและดึงเรื่องการจ่ายเงินคืนให้ไว้ก่อน และยังมีกรณีไม่ทำตามเงื่อนไขที่โครงการกำหนด เช่น ถือครองไม่ครบ 5 ปี เพราะบางคนซื้อมาปีหนึ่งหรือไม่ถึงปีก็จะขายรถต่อ ซึ่งกรณีนี้มีจำนวนมาก
"ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขการถือครองรถยนต์ 5 ปีได้ หรือไม่สามารถส่งค่างวดที่ต้องผ่อนส่งรายเดือนกับทางบริษัทเช่าซื้อหรือลี สซิ่งได้ไหวจนทำให้ถูกยึดรถไป รวมถึงกรณีเกิดอุบัติเหตุจนเสียชีวิต ซึ่งกรณีนี้หากได้รับเงินคืนไปแล้วก็แล้วกันไป ไม่ติดตามทวงคืนจากครอบครัวเจ้าของรถ" แหล่งข่าวกล่าว
อย่างไรก็ตาม คงต้องตรวจสอบด้วยว่า ในจำนวนที่สละสิทธินี้มีผู้ถือครองรถยนต์ครบ 1 ปีและได้รับเงินคืนไม่เกิน 1 แสนบาทไปแล้วหรือไม่ หากรับแล้วและไม่นำเงินมาคืนให้ทางเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องก็ต้องนำเรื่อง เข้าสู่กระบวนการติดตามทวงเงินคืนต่อไป แต่ก็มีผู้นำเงินมาคืนแล้วบางส่วน และบางคนขอผ่อนจ่ายเพราะใช้เงินหมดไปแล้ว กรณีนี้กรมสรรพสามิตต้องทำเรื่องเสนอไปยังกรมบัญชีกลางให้พิจารณา ในฐานะผู้ติดตามเงินภาษีคืนให้แผ่นดิน
แหล่งข่าวกล่าวถึงวิธีการติดตามทวงเงินคืนว่า ทางกรมสรรพสามิตจะทำหนังสือแจ้งไปยังเจ้าของรถให้นำเงินมาคืนภายใน 15 วันที่ได้รับหนังสือ หากยังเงียบเฉยจะออกหนังสือเตือนไปอีกครั้งและให้เวลาอีก 15 วัน รวมเป็น 30 วันที่ต้องนำเงินมาจ่ายคืน ซึ่งการออกหนังสือเตือนหมายความว่าเจ้าของรถผิดนัดชำระหนี้แล้วต้องจ่าย ดอกเบี้ย 15% ต่อปีโดยคำนวณเฉลี่ยจนถึงวันที่จ่ายเงินคืนครบตามจำนวน แต่หากยังนิ่งเฉยก็จะส่งเรื่องไปให้กรมบัญชีกลางดำเนินการตามขั้นตอนของ กฎหมายต่อไป
ส่วนยอดการคืนเงินภาษีให้ผู้ถือครองรถยนต์ครบ 1 ปีตั้งแต่เริ่มโครงการถึงปัจจุบันมีการคืนเงินไปแล้ว 58,300 ราย จากจำนวนผู้เข้าโครงการทั้งสิ้น 1.25 ล้านราย และคืนเงินภาษีไปแล้ว 4,231 ล้านบาท จากวงเงินงบประมาณที่ตั้งไว้ปีนี้กว่า 7 พันล้านบาท
นายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลางกล่าวว่า กรมมีหน้าที่จ่ายเงินคืนภาษีเข้าบัญชีให้ผู้มีสิทธิเป็นรายเดือนเท่านั้น ส่วนหน้าที่ในการติดตามหนี้นั้นทางกรมสรรพสามิตจะเป็นผู้ดำเนินการ
"เมื่อกรมสรรพสามิตยื่นคำเตือน (โนติส) ให้นำเงินมาคืนแล้วไม่มาตามกำหนดก็จะส่งเรื่องมาที่กรมบัญชีกลาง ทางกรมก็จะส่งเรื่องให้อัยการฟ้องร้องต่อไป" นายมนัสกล่าว และว่า ส่วนการคืนเงินภาษีในปีงบประมาณ 2556 ที่ตั้งงบประมาณไว้ 7 พันล้านบาทและอาจไม่เพียงพอนั้น อาจจะไม่ได้ใช้เงินจากงบกลาง แต่กำลังพิจารณาหาเงินจากส่วนอื่นเพื่อมาคืนให้ผู้มีสิทธิในโครงการหลังจาก นั้นจึงตั้งงบปี 2557 มาชดเชยต่อไป