นักโทษชายฮือป่วนเรือนจำสมุทรสาคร บุกทำลายทรัพย์สิน ไม่พอใจเพื่อนตายคาคุก
เมื่อเวลา 07.00 น.วันที่ 17 มีนาคม เกิดเหตุนักโทษชายในแดน 4 ประมาณ 50 คน ของเรือนจำจังหวัดสมุทรสาคร รวมตัวประท้วงขว้างปาสิ่งของ ใช้ถังแก๊สทำลายกล้องวงจรปิด และพยายามที่จะลุกฮือมาที่ประตูทางเข้าออก มีการขว้างปาสิ่งของและทำลายทรัพย์สินทางราชการ และยังมีนักโทษคนหนึ่งพยายามที่จะปีนรั้วหนี แต่เจ้าหน้าที่ยิงขู่ 3 – 4 นัด ทำให้นักโทษรายนั้นกลับลงมารวมตัวประท้วงกับกลุ่มเพื่อนนักโทษด้วยกัน ต่อมานายโสภณ ยิ้มปรีชา ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดสมุทรสาคร เปิดเผยว่า การประท้วงในครั้งนี้ยังไม่เข้าขั้นรุนแรง เพราะไม่มีการจับผู้คุมเป็นตัวประกัน ไม่มีผู้บาดเจ็บและไม่มีการแหกคุก ส่วนสาเหตุมาจากเมื่อเวลา 02.10 น. ของวันที่ 16 มีนาคม ทางผู้คุมเรือนจำได้รับแจ้งว่า มีต้องขังป่วยและถึงแก่ความตายชื่อนายสมชาย พีรานุวัฒน์ อายุ 25 ปี ซึ่งต้องโทษ 4 คดี คดีที่ 1 ฐาน พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ,ความผิดต่อ พ.ร.บ.อาวุธปืน มีโทษ 7 ปี 15 เดือน,คดีที่ 2 ละเมิดอำนาจศาล ตามหมายจำคุกระหว่างอุทธรณ์ฎีกา มีโทษ 4 เดือนแต่พ้นกำหนดโทษแล้ว,คดีที่ 3 คดีความผิดต่อชีวิต และ พ.ร.บ.อาวุธปืน โดยศาลจังหวัดสมุทรสาครมีคำสั่งให้ปล่อยตัว และคดีที่ 4 ความผิดต่อชีวิต และพ.ร.บ.อาวุธปืน ศาลจังหวัดสมุทรสาครได้มีหมายขังระหว่างไต่สวนมูลฟ้อง โดยให้ขังไว้ในเรือนจำจังหวัดสมุทรสาครจนกว่าจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น นายโสภณกล่าวว่า เมื่อนักโทษชายรายนี้เสียชีวิตลง ทำให้นักโทษชายที่อยู่ในเรือนนอนเดียวกันไม่พอใจหาว่าผู้คุมนั้นไม่ได้ดูแล ไม่ยอมพาส่งโรงพยาบาล ซึ่งก่อนหน้านี้นักโทษรายดังกล่าวก็มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงดี เพราะเคยได้ให้แพทย์ตรวจสุขภาพก็ปกติไม่เป็นอะไร เบื้องต้นน่าจะมาจากอาการหัวใจวายเฉียบพลัน ซึ่งประสานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าชันสูตรพลิกศพก่อน จึงจะนำศพออกมาจากเรือนนอนได้ ส่วนที่ผู้คุมไม่สามารถเข้าไปนำนักโทษชายที่เสียชีวิตออกมาตั้งแต่แรกได้ นั้น ก็เพราะว่าช่วงเวลาดังกล่าวยังถือเป็นยามวิกาลซึ่งถือว่าเป็นช่วงที่ไม่ ปลอดภัย จึงได้แจ้งให้ผู้ต้องขังที่อยู่เรือนนอนเดียวกันห้ามเคลื่อนย้ายหรือแตะต้อง ศพอย่างเด็ดขาด กระทั่งต่อมามีนักโทษชายชื่อ กิตติศักดิ์ หรือโจ ยอดวงศ์ กับพวก 50 คน ไม่พอใจจึงได้รวมตัวกันประท้วงขว้างปาสิ่งของและพังประตู 4 บริเวณป้อม 1 เพื่อเข้ามาในที่ทำการควบคุมและทำลายทรัพย์สินของทางราชการเสียหายจำนวน หนึ่ง แต่ได้มีการส่งผู้คุมเข้าไปเจรจาสามารถทำให้นักโทษทั้งหมดสงบลงจนสถานการณ์ เข้าสู่ภาวะปกติในที่สุด กระทั่งเมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. นายจุลภัทร แสงจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ได้เดินทางมารับฟังสถานการณ์ที่เกิดขึ้น จากนั้นก็ได้เดินทางกลับโดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ ทั้งสิ้น โดยหลังจากที่ทางญาติได้เห็นศพของนายสมชายแล้วฯ ก็ถึงกับรับไม่ได้และออกมาร้องเอะอะโวยวายที่บริเวณหน้าเรือนจำจังหวัด สมุทรสาครว่า นักโทษชายสมชายนั้นมีโรคประจำตัวคือ โรคไต โดยที่ผ่านมาทางญาติเคยขอเข้าพบแต่ก็ไม่ได้พบสักครั้ง ซึ่งทางครอบครัวไม่เชื่อว่านักโทษสมชายจะตายเพราะโรคประจำตัว เพราะดูจากศพแล้วเห็นว่าการตายของนักโทษสมชายนั้นมีลักษณะผิดปกติ เนื่องจากที่แผ่นหลังและลำคอมีรอยเขียวช้ำ ต่อมาทางผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดสมุทรสาครก็ได้เปิดห้องให้แพทย์อธิบาย ลักษณะการตายให้ทางญาติฟังว่า เบื้องต้นแพทย์ลงความเห็นว่าผู้ตายเสียชีวิตอันเนื่องมาจากโรคประจำตัว ส่วนเหตุที่ร่างกายมีรอยเขียวช้ำนั้น ก็เนื่องมาจากการตกเลือดที่ผู้ตายเสียชีวิตมานานหลายชั่วโมงแล้ว โดยหากทางญาติยังมีข้อติดใจหรือสงสัยอะไร ก็สามารถที่จะทำหนังสือเพื่อขอตรวจพิสูจน์ซ้ำได้ แต่วันนี้ก็จะได้ส่งศพไปให้ทางสถาบันนิติเวช เป็นผู้ชันสูตรถึงสาเหตุการเสียชีวิต ทั้งนี้หลังจากที่มีการเจรจาตอบข้อสักถามกันอยู่พักใหญ่ราวๆ 45 นาที เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ได้มีการมอบหมายให้เจ้าหน้าที่จากมูลนิธิการกุศลสมุทรสาคร นำรถมูลนิธิฯ เข้าไปรับศพนักโทษสมชาย พีรานุวัฒน์ เพื่อนำส่งสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ทำการชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัดต่อไป
ขณะที่ในเวลาเดียวกันนางบุญรัตน์ สิงหทราเมศน์ อายุ 51 ปี แม่ของนายสมชาย พีรานุวัฒน์ นักโทษชายที่เสียชีวิต กับ นางอัมรา นิลโนรี อายุ 32 ปี พี่สาวของผู้ตายและครอบครัว ก็ได้เดินทางจากบ้านในอำเภอกระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร มาที่เรือนจำจังหวัดสมุทรสาคร เพื่อขอดูศพและขอทราบรายละเอียดที่เกิดขึ้นเช่นกัน ซึ่งทางผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดสมุทรสาครก็ได้อนุญาตให้ญาติเข้าไปดูศพภาย ในเรือนจำ พร้อมกับ พ.ต.ท.เอื้อ จันทร์กล้า สารวัตรเวรสถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรสาครและแพทย์ผู้ตรวจพิสูจน์จากโรงพยาบาล สมุทรสาคร แต่ทั้งนี้ก็ได้มีการนำนักโทษทั้งหมดขึ้นเรือนนอนก่อนเพื่อความปลอดภัยของ ทุกคน และยังได้มีการนำรถฉีดน้ำดับเพลิงจากเทศบาลนครสมุทรสาครเตรียมพร้อมรับกับ สถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้