ฝนทิ้งช่วง เกาะพีพี เริ่มแล้งขาดน้ำ คาดเม.ย.ช่วงท่องเที่ยวพีค อาจวิกฤต
ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 15 มีนาคม ว่า จากภาวะฝนทิ้งช่วงเป็นเวลานานกว่า 1 เดือน ส่งผลทำให้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำบนเกาะพีพี แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง ม.7 ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำขององค์การบริหารส่วนตำบลอ่าวนาง ที่ตั้งอยู่บนเกาะพีพี ไม่สามารถสูบน้ำมาใช้ได้อย่างเต็มที่ ทำให้ผู้ประกอบการต้องเร่งหาภาชนะมากักเก็บน้ำไว้ใช้ยามขาดแคลนรองรับจำนวน นักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้นกว่าทุกปี เฉลี่ย 2-3 พันคน นอกจากนี้ต้องสั่งซื้อน้ำมาจากฝั่งจังหวัดภูเก็ตในราคาลูกบาศก์เมตร ละ250-300 บาท นายวีรภัทร์ จันทโร ประธานชมรมผู้ประกอบการท่องเที่ยวเกาะพีพี กล่าวว่า ภัยแล้งปีนี้ค่อนข้างมาเร็วและนานกว่าทุกปี เพราะในพื้นที่จังหวัดกระบี่ ฝนเริ่มทิ้งช่วงมาตั้งแต่กลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นวิกฤต เพราะผู้ประกอบการโรงแรม ที่พัก ก็ได้มีการเตรียมการเก็บน้ำไว้ใช้แล้ว คาดว่าช่วงเดือนเมษายนนี้น้ำจะขาดขาดแคลนอย่างหนัก เพราะนอกจากแหล่งเก็บน้ำไม่มีน้ำแล้ว จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นด้วย ด้านนายพันคำ กิตติธรกุล นายกอบต.อ่าวนาง กล่าวว่า แม้ว่าปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำของอบต.อ่าวนางเริ่มลดลงแต่ก็ยังไม่ถึงขั้น วิกฤตเพราะยังมีอ่างเก็บน้ำของเอกชนบนเกาะพีพี ซึ่งได้มีการลงทุนสร้างอ่างเก็บน้ำเนื้อที่ประมาณ 13ไร่ ความจุประมาณ 250,000 ลูกบาศก์เมตร ยังมีน้ำเหลืออยู่มากแต่คงใช้ได้ไม่เกินเดือนมีนาคมนี้ ซึ่งได้มีการเตรียมแผนรองรับโดยให้ภาคเอกชนเข้ามาลงทุนทำระบบบำบัดน้ำ เพราะงบประมาณของอบต.ไม่เพียงพอ โดยในปีนี้มีนักท่องเพิ่มมากขึ้นกว่าทุกปีเฉลี่ย วันละไม่ต่ำกว่า2,500-3,000คน ความต้องการใช้น้ำจึงมีมากขึ้นหลายเท่าตัว
"คาดว่าในช่วงเดือนเมษายนนี้คงจะต้องสั่งน้ำจากฝั่งจังหวัดภูเก็ต เช่นเคยในราคาลูกบาศก์เมตรละ 250-300 บาท แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ค่าขนส่งจะแพงกว่าค่าน้ำหลายเท่าตัว แต่ผู้ประกอบการก็ต้องยอมรับสภาพ ส่วนน้ำดื่มก็ต้องยอมรับว่าแพงกว่าบนฝั่ง2-3เท่า โดยน้ำถังขนาด20 ลิตร ราคาถังละ 25-30บาท เพราะมีการปรับราคาขึ้นมาจากภาวะค่าแรงที่เพิ่มขึ้น" นายพันคำกล่าว