หนีตายอลหม่าน! คลังน้ำมันเถื่อนระเบิดกลางหมู่บ้านเอื้ออาทรพลูตาหลวง

 ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูน 2 ชั้น อยู่ใจกลางหมู่บ้าน มีบ้านเรือนประชาชนห้อมล้อมกว่า 100 หลังคาเรือน ต้นเพลิงได้โหมลุกไหม้มาจากบ้านเลขที่ 215/81 ก่อนลุกลามไปติดกับบ้านข้างเคียง  เลขที่  215/80 และ 215/82 จนวอดทั้ง 3 หลัง เพลิงได้โหมลุกไหม้อย่างหนัก มีเสียงระเบิดดังสนั่นต่อเนื่องกันหลายครั้ง เนื่องจากมีน้ำมันเบนซินกว่า 1,000 ลิตร เป็นเชื้อเพลิงยากต่อการดับไฟ เจ้าหน้าที่จากการไฟฟ้าต้องตัดกระแสไฟ ก่อนเจ้าหน้าที่ดับเพลิงจะช่วยกันระดมฉีดน้ำอย่างหนัก นานกว่า 1 ชั่วโมง จึงสามารถระงับเพลิงไว้ได้

   ตรวจสอบที่เกิดเหตุใต้ถุนบ้านต้นเพลิงพบ ถังน้ำมันเบนซินขนาดบรรจุ 200 ลิตร จำนวน 15 ถัง และบริเวณหน้าบ้านพบรถบรรทุก 6 ล้อ สีขาว ทะเบียน ณฮ – 2054 กรุงเทพมหานคร ด้านท้ายมีปั้มสูบน้ำมันติดตั้ง 2 ตัว พร้อมใช้บรรจุถังน้ำมัน รถปิคอัพ มิตซูบิชิ สีดำ ทะเบียน 2877 บุรีรัมย์ ด้านท้ายกระบะถูกดัดแปลงเป็นที่บรรจุน้ำมันขนาด 2,000 ลิตร และรถจักรยานยนต์ 1 คัน ถูกเพลิงเผาวอดเหลือแต่ซาก ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ส่วนเจ้าของบ้านหลบหนี

 สอบถาม นายสำเริง ชูหนู อายุ 30 ปี พักบ้านเลขที่ 125/40 ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุได้เห็นชาย 2 คน ขับรถบรรทุก 6 ล้อ ถอยหลังเข้าจอดภายในบ้านต้นเพลิง จากนั้น ได้ช่วยกันลำเลียงถังขนาด 200 ลิตร ภายในบรรจุน้ำมันเบนซินลงจากรถ จนถังสุดท้ายเกิดพลาดท่า  พลิกคว่ำน้ำมันไหลนองเจิ่งนองพื้น   หนึ่งในนั้นที่กำลังสูบบุหรี่ เกิดตกใจทำบุหรี่หล่นจากปาก ไฟได้ลุกลามติดกับน้ำมันทันทีทันใด เมื่อทั้ง 2 คน เห็นว่าไม่สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ จึงอาศัยช่วงชุลมุนพากันหลบหนีหายลอยนวล เมื่อเพลิงโหมอย่างหนัก ชาวบ้านใกล้เคียงจึงรีบขนของวิ่งหนีตายออกจากบ้านกันอย่างอลหม่าน

อย่างไรก็ตาม  พ.ต.ท.ณัฐวุฒิ   เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพยานหลักฐาน เบื้องต้น คาดว่า บ้านที่เกิดเหตุ ขายน้ำมันเถื่อน ได้ใช้เป็นที่เก็บพักน้ำมัน ก่อนนำออกขายให้กลุ่มลูกค้า ส่วนน้ำมันจะถูกลำเลียงมาจากที่ใดอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ จากข้อมูลทราบเพียงบ้านหลังดังกล่าว เดิมเป็นของดีเจสาวนักจัดรายการวิทยุชื่อดัง แต่ได้ขายทอดตลาดไปแล้ว อย่างไรก็ตาม จะประสานไปยังเจ้าของโครงการหมู่บ้าน เพื่อตรวจสอบหาตัวเจ้าของบ้านมาทำการสอบสวนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักลอบ ขายน้ำมันเถื่อนหรือไม่ พร้อมให้กองพิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบหาหลักฐาน สาเหตุของการเกิดเพลิงที่แน่ชัดอีกครั้ง