จากกรณีที่มีผู้ใช้ Username ว่า Speed Talk Thailand ซึ่งเป็นสมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ตั้งกระทู้หัวข้อ "ทำงานเพื่อสังคม แต่โดนใบสั่ง เจริญพร ประเทศไทย" เมื่อเวลาประมาณ16.00 น. ของวันที่ 11 มี.ค. ที่ผ่านมา โดยในกระทู้ดังกล่าว มีภาพของกลุ่มอาสาสมัครดับเพลิง อปพร. ยืนโชว์ใบสั่ง พร้อมกับระบุข้อความโจมตีการทำงานของตำรวจใจความว่า อปพร. บางแค หน่วย ธน. 30-00 และ หน่วย ธน.35-00 มาทำงานเพื่อสังคม มาดับไฟแต่โดนใบสั่ง สน.หลักสอง ขณะไฟไหม้ ทุกคนกำลังชุลมุนวุ่นวาย แต่พี่ตำรวจท่านนี้ หาได้สนใจไม่ เขียนใบสั่งอย่างเดียวซึ่งอาสาดับเพลิงได้ช่วยไปดับไฟที่ย่านบางแค
โดยจอดรถไว้ข้างถนนแล้วเจ้าตัวลงไปลุยดับไฟ กลับมาเห็นใบสั่งนับ 10 ใบ แปะไว้หน้ารถอาสาดับเพลิง พระเจ้าจอร์จนายแน่มาก สงสัยจะหิวหรือยอดไม่เข้าเป้า เขียนไม่ดูเหตุการณ์บ้างเลย จนทำให้มีผู้เผยแพร่ภาพ และข้อมูลผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ จำนวนมาก ภายในเวลาเพียง 1-2 ชั่วโมงเท่านั้น ซึ่งผู้แสดงความเห็นส่วนมากต่างพากันตำหนิเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เป็นผู้เขียนใบสั่ง
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 12 มี.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(รองผบช.น.) รับผิดชอบงานด้านจราจร ได้แถลงข่าวกับสื่อมวลชน เพื่อชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด โดยมีพ.ต.ท.เอนก เข่งคุ้ม สว.จร.สน.หลักสอง และด.ต.คำรณ ศักดิกุล ผบ.หมู่งานจราจร สน.หลักสอง เดินทางมาร่วมด้วย
พล.ต.ต.วรศักดิ์ กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับรายงานจากพ.ต.อ.ภาณุเดช สุขวงศ์ ผกก.สน.หลักสอง และเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในวันเกิดเหตุแล้ว ทราบว่า พ.ต.ท.เอนก ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุกรุงธน ว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้ภายในซอยโรงภาพยนตร์บางแค โดยจุดเกิดเหตุอยู่ในพื้นที่สน.เพชรเกษม แต่พื้นผิวการจราจรอยู่ในความรับผิดชอบของสน.หลักสอง ซึ่งขณะเกิดเหตุสามารถใช้ถนนได้เพียง 2 ช่องเท่านั้น
เนื่องจากมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง – หลักสอง ทำให้พ.ต.ท.เอนก พร้อมกำลังรวม 5 นาย เดินทางไปช่วยเร่งระบายรถตั้งแต่บริเวณคลองราชมนตรี –แยกบางแค โดยมอบหมายให้ ด.ต.คำรณ ไปอำนวยความสะดวกด้านการจราจรบริเวณซอยที่เกิดเหตุเพลิงไหม้
พล.ต.ต.วรศักดิ์ กล่าวอีกว่า ต่อมาเมื่อเวลา 11.50 น. เพลิงสงบแล้ว ประชาชนที่สัญจรไปมาได้พากันชะลอรถเพื่อดูเหตุการณ์ อีกทั้งยังมีรถกู้ภัยจากมูลนิธิต่างๆมาจอดรอให้ความช่วยเหลือหากมีผู้ได้รับบาดเจ็บ ทำให้การจราจรติดขัดอย่างหนักท้ายแถวยาวไปจนถึงหน้าห้างสรรพสินค้าซีคอนสแควร์ บางแค เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรจึงได้ประชาสัมพันธ์ให้รถของกู้ภัยต่างๆรวมถึงอาสาสมัครที่มาช่วยดับเพลิง นำรถไปจอดที่ด้านหลังจุดเกิดเหตุ เพื่อทำการระบายรถ
โดยให้หน่วยกู้ภัยเก็บอุปกรณ์ 1 ช่องจราจร กระทั่งพบรถจยย.จำนวน 4 คัน จอดกีดขวางอยู่ตามภาพที่ปรากฎ ทำให้เสียการพื้นผิวการจราจรไป 1 ช่องทาง ซึ่งปกติแล้วจุดดังกล่าวเป็นจุดที่ห้ามจอดตลอดเวลา เมื่อประชาสัมพันธ์และสอบถามผู้ที่อยู่ในละแวกดังกล่าวก็ไม่มีใครแสดงตัวเป็นเจ้าของรถ และไม่มีใครบอกว่ารถจยย.ทั้งหมดเป็นของใคร จึงเขียนใบสั่งในข้อหากีดขวางการจราจร จำนวน 4 ใบ ไม่ใช่ 10 ใบตามที่มีการโพสต์ในเว็บไซต์ต่างๆ ซึ่งหากไม่เขียนใบสั่งก็จะทำให้มีประชาชนจอดรถมุงดูกันอีกจำนวนมาก และรถดับเพลิงที่เข้าไปในซอยเพื่อควบคุมเพลิงจะต้องแกจากซอยมาแล้วเลี้ยวซ้าย เพื่อออกถนนใหญ่ ด.ต.คำรณ จึงต้องทำตามหน้าที่โดยการเขียนใบสั่ง
“ต่อมาช่วงเย็นหลังจากเกิดเหตุ พ.ต.ท.บุญเรือง แสงดาว ข้าราชการบำนาญ อดีตผู้อำนวยการ กองปฏิบัติการ ดับเพลิง 4 สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร และเจ้าหน้าที่อปพร.ที่ถูกเขียนใบสั่ง ได้เดินทางเข้าพบผกก.สน.หลักสอง พร้อมทั้งพูดคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้นและได้เจรจาถึงความขัดแย้งเรียบร้อยแล้ว ทางตำรวจจราจรได้ใช้อำนาจในการปฏิบัติหน้าที่ว่ากล่าวตักเตือน ไม่ได้มีการเสียค่าปรับแต่อย่างใด เหตุการณที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นบทเรียน ผมได้สั่งการตำรวจจราจรทุกท้องที่แล้ว หากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ให้สอบถามให้ชัดเจน ตรวจสอบรถของอาสาสมัครต่างๆที่มาจอดว่ามีสัญลักษณ์ที่ระบุชัดเจนหรือไม่ว่าเป็นอาสาสมัครที่มาปฏิบัติหน้าที่จริง และหากพบรถจยย.ที่จอดกีดขวางการจราจรไม่กี่คันก็ให้ทำการเลื่อนรถไปจอดบริเวณที่ไม่กีดขวาง ก่อนที่จะทำการเขียนใบสั่ง” รองผบช.น. กล่าว
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์ไปสอบถามกับ พ.ต.ท.บุญเรือง แสงดาว อดีตผู้อำนวยการ กองปฏิบัติการ ดับเพลิง 4 สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร ซึ่งปัจจุบันเป็นรองนายกสมาคมอาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัยแห่งประเทศไทย และที่ปรึกษาผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร ได้รับการเปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวตนได้เดินทางไปเจรจากับผู้กำกับการสน.หลักสองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ปัจจุบันอาสาสมัครดังกล่าวที่ไปช่วยดับเพลิง จะใช้รถจยย.เพื่อความรวดเร็วในการเดินทาง เมื่อไปถึงก็จอดรถไว้ริมถนนชิดขอบฟุตปาธและวิ่งเข้าไปในซอย ทำให้ถูกเขียนใบสั่งติดไว้ที่รถจยย. แต่เท่าที่สอบถามมีทราบว่ามีผู้แจ้งกับทางตำรวจจราจรแล้วว่าเป็นรถของอปพร.ที่มาช่วยดับเพลิง ทางตำรวจน่าจะเห็นใจบ้าง แต่ทั้งนี้ตนเข้าใจการทำงานของตำรวจและหลังจากนี้ตนจะให้อปพร.และอาสาสมัครทุกคน ติดเลขรหัสและสัญลักษณ์ไว้ที่ข้างรถ เพื่อความชัดเจน และป้องกันการแอบอ้างต่อไปในอนาคตและในวันที่ 12 ช่วงเวลา 15.00 น. ตนได้มอบหมายให้ตัวแทนของสำนักป้องกันฯ และอาสาสมัคร นำกระเช้าดอกไม้ไปมอบให้ผกก.สน.หลักสอง เพื่อเป็นการขอโทษและขอบคุณที่ช่วยอนุเคราะห์กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย