ศาลแพ่งชี้อีก2คดี เผาสยาม-ห้างเซน ไม่ใช่ก่อการร้าย ไม่เชื่อมโยงเสื้อแดง

ศาลแพ่งชี้อีก2คดี เผาสยาม-ห้างเซน ไม่ใช่ก่อการร้าย ไม่เชื่อมโยงเสื้อแดง


ศาลแพ่งชี้อีก2คดี เผาสยาม-ห้างเซน ไม่ใช่ก่อการร้าย ไม่เชื่อมโยงเสื้อแดง

คอลัมน์ แฟ้มคดี ข่าวสด

วันอาทิตย์ ที่ 10 มี.ค. 56



เป็นอีก 2 คดีต่อเนื่องจากคำพิพากษาศาลแพ่ง ในคดีบริษัทเอกชนฟ้องบริษัทประกันให้จ่ายค่าสินไหมกรณีเกิดเพลิงไหม้บริเวณแยกราชประสงค์หลังเหตุสลายการชุมนุมของการชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อ ปี 2553

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา ศาลแพ่งมีคำพิพากษาให้บริษัทเทเวศประกันภัย จำกัด (มหาชน) จ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กองทุนรวมธุรกิจไทย 4, บริษัทเซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน), บริษัท เซ็นทรัลเวิลด์ จำกัด และบริษัท ห้างเซ็นทรัล ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ จำกัด จำนวนทุนทรัพย์ 3,838,296,969 บาท

พร้อมระบุว่าเหตุเพลิงไหม้ไม่ใช่เกิดจากการก่อการร้ายซึ่งกรมธรรม์ไม่คุ้มครอง แต่เป็นการจลาจล ซึ่งอยู่ในเงื่อนไขการประกันภัย

กระทั่งเมื่อวันที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมา ศาลแพ่งมีคำพิพากษาตามมาอีก 2 คดี



เผาสยาม-ไม่ใช่ก่อการร้าย

คดีแรกเป็นคดีหมายเลขดำ ผบ.1219/2555 ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นโจทก์ฟ้อง บริษัทเมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เป็นจำเลย เรื่องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 51,439,819.60 บาท กรณีมีคนร้ายลอบวางเพลิงเผาทรัพย์บริเวณศูนย์การค้าสยามสแควร์ เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553

โจทก์ฟ้องสรุปว่า โจทก์ทำสัญญาประกันอัคคีภัยอาคารพาณิชย์ในศูนย์การค้าสยามสแควร์ จำนวน 53 คูหา ไว้กับจำเลย ต่อมาเมื่อวันที่ 19 พ.ค.2553 มีคนร้ายลอบวางเพลิงเผาทรัพย์จนเพลิงไหม้ไปยังอาคารพาณิชย์ที่เอาประกันภัยไว้ได้รับความเสียหาย แต่จำเลยไม่ยอมจ่ายเงินค่าประกันอัคคีภัย ตามสัญญาฯ

โดยระบุว่าความเสียหายที่เกิดขึ้น สืบเนื่องมาจากการก่อความไม่สงบของประชาชน การจลาจลและการก่อการร้าย อันเป็นข้อยกเว้นความรับผิดชอบของกรมธรรม์ประกันภัยอัคคีภัย

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์และจำเลยแล้ว เห็นว่าแม้จะมีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง หรือนปช. เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลขณะนั้นยุบสภาและเลือกตั้งใหม่ บริเวณพื้นที่สี่แยกราชประสงค์และบริเวณใกล้เคียงต่อเนื่องกันมาจนถึงวันที่ 19 พ.ค.2553 ระหว่างการชุมนุมมีกลุ่มก่อการร้ายใช้อาวุธสงครามร้ายแรงก่อวินาศกรรมหลายครั้ง

แต่ทางนำสืบของจำเลยไม่ปรากฏชัดว่าการก่อวินาศกรรมหรือเหตุการณ์รุนแรงเหล่านั้น เป็นการกระทำของผู้เข้าร่วมชุมนุมคนใด หรือเป็นการสั่งการโดยแกนนำให้ผู้เข้าร่วมชุมนุมกระทำการนั้น

ส่วนที่แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง หรือนปช.บางคน ปราศรัยยั่วยุให้เกิดความรุนแรง ก็อยู่บนเงื่อนไขที่ว่า ถ้ามีการสลายการชุมนุมหรือมีการทำร้ายคนเสื้อแดงจึงจะเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงขึ้น เพื่อป้องกันมิให้มีการสลายการชุมนุม มิใช่เรื่องที่ว่าถ้ารัฐบาลไม่ยุบสภา นายกรัฐมนตรีไม่ลาออก จึงเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงขึ้น จะถือว่าเป็นการกระทำอันมีลักษณะเป็นการข่มขู่เพื่อผลทางการเมืองมิได้

การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง หรือนปช.ก่อนเกิดเหตุจึงยังฟังไม่ได้ว่าเป็นการก่อการร้าย

สำหรับเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุ เห็นว่าขณะคนร้ายเผาโรงภาพยนตร์สยามนั้น แกนนำ นปช.ประกาศยุติการชุมนุมแล้ว ไม่มีข้อเรียกร้องทางการเมืองเหลืออยู่ และเหตุการณ์เผาโรงภาพยนตร์สยามนั้น ทางจำเลยนำสืบไม่ได้ว่าเกี่ยวโยงหรือเชื่อมโยงกับกลุ่มคนเสื้อแดง หรือนปช.อย่างไร และไม่ว่าจะกระทำโดยคนใดหรือกลุ่มใด ก็มิใช่การ กระทำที่หวังผลทางการเมือง

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันเกิดเหตุฟังไม่ได้ว่าเป็นการก่อการร้าย เช่นกัน



เป็นเหตุจลาจล-ต้องชดใช้

มีประเด็นต้องพิจารณาว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของการก่อความไม่สงบของประชาชน ถึงขนาดลุกฮือขึ้นต่อต้านรัฐบาลหรือไม่ เห็นว่าการกระทำที่จะฟังได้ว่าเป็นการก่อความไม่สงบของประชาชนถึงขนาดลุกฮือขึ้นต่อต้านรัฐบาลนั้น จะต้องแยกพิจารณาเป็น 3 ส่วน คือ จะต้องเป็นการก่อความไม่สงบของประชาชนจำนวนมากและมีวัตถุประสงค์เพื่อต่อต้านรัฐบาล และประชาชนที่ว่านั้นต้องเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ

แต่เหตุการณ์ที่มีการชุมนุมต่อเนื่องบริเวณสี่แยกราชประสงค์ ประชาชนที่เข้าร่วมชุมนุมเป็นเพียงคนส่วนน้อยเท่านั้น แม้การชุมนุมจะส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของผู้อื่นที่ไม่ได้เข้าร่วมชุมนุมอยู่บ้าง แต่ก็เป็นเพียงในวงจำกัด ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศยังใช้ชีวิตประจำวันตามปกติ ไม่ปรากฏว่าเกิดความรู้สึกตื่นตระหนกหรือหวาดกลัวว่าจะเกิดอันตรายขึ้นกับชีวิตและทรัพย์สินของตน

เช่นนี้ยังถือไม่ได้ว่าการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง หรือนปช. เป็นการก่อความไม่สงบของประชาชนถึงขนาดลุกฮือต่อต้านรัฐบาล

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังแกนนำประกาศยุติการชุมนุม เป็นการไม่นำพาต่อคำสั่งรัฐบาล ก่อให้เกิดความปั่นป่วน วุ่นวาย และไม่มีระเบียบจนไม่สามารถควบคุมได้ ถือได้ว่าอยู่ในความหมายของคำว่าการจลาจล อัคคีภัยที่เกิดขึ้นจึงเป็นภัยที่เกิดจากการจลาจล อันเป็นข้อยกเว้นความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันอัคคีภัย จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชอบต่อโจทก์ตามกรมธรรม์ประกันอัคคีภัยดังกล่าว มีเพียงกรมธรรม์ประกันอัคคีภัยที่โจทก์ได้ทำไว้จำนวน 2 แห่งที่ไม่ปรากฏว่ามีข้อยกเว้นความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการ จลาจลไว้

จำเลยจึงต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ในความเสียหายของอาคารพาณิชย์จำนวน 2 คูหา รวมเป็นเงิน 1,780,000 บาท พิพากษาว่า ให้จำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวแก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี



คำพิพากษาคดี"ห้างเซน"

วันเดียวกันนั้น ศาลแพ่งยังอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ ผบ.1212/2555 ที่บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด เป็นโจทก์ฟ้อง บริษัท เทเวศประกันภัย จำกัด (มหาชน) เป็นจำเลย เพื่อขอให้ชำระค่าสินไหมทดแทนตามสัญญาประกันภัยทรัพย์สินและประกันภัยก่อการร้าย กรณีเกิดเพลิงไหม้ห้างสรรพสินค้าเซน เมื่อวันที่ 19 พ.ค.2553 เป็นเงิน 171,299,701.85 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี รวมทั้งขอให้จำเลยชำระค่าเสียหายเชิงลงโทษให้แก่โจทก์ไม่เกิน 2 เท่า ของค่าเสียหายด้วย

โจทก์ฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 19 พ.ค.2553 เกิดเหตุเพลิงไหม้ห้างสรรพสินค้าเซน ซึ่งโจทก์ได้เช่าสถานที่ดังกล่าวที่เป็นของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ทำให้เกิดความเสียหาย ซึ่งโจทก์ได้ขอให้จำเลยชำระค่าสินไหมทดแทนตามสัญญาฯ แต่จำเลยปฏิเสธ โดยระบุว่าความเสียหายของโจทก์เกิดขึ้นและเป็นผลมาจากการกระทำที่มีวัตถุประสงค์ในทางการเมือง อันมีสาเหตุมาจากการก่อความไม่สงบของประชาชนถึงขนาดลุกฮือต่อต้านรัฐบาล และเป็นการกระทำการก่อการร้ายของกลุ่มคนเสื้อแดง หรือนปช.

คดีมีประเด็นที่ต้องวินิจฉัยว่า ความเสียหายที่โจทก์ได้รับเป็นข้อยกเว้นความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยความเสี่ยงภัยทุกชนิดหรือไม่ เห็นว่าทางนำสืบของจำเลยไม่ปรากฏชัดว่าการก่อวินาศกรรมหรือเหตุการณ์รุนแรง เป็นการกระทำของผู้เข้าร่วมชุมนุมคนใด หรือเป็นการสั่งการโดยแกนนำให้ผู้เข้าร่วมชุมนุมกระทำนั้น

ส่วนที่แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง หรือนปช.ปราศรัย เหล่านี้แม้จะมีเนื้อหาส่งเสริมความรุนแรง แต่อยู่บนเงื่อนไขว่าถ้ามีการสลายการชุมนุม หรือมีการทำร้ายคนเสื้อแดงก็จะเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงขึ้น การปราศรัยของแกนนำดังกล่าวเป็นการทำเพื่อป้องกันมิให้มีการสลายการชุมนุมตามที่คาดว่าน่าจะเกิดขึ้น จะถือว่าเป็นการกระทำเพื่อผลทางการเมืองย่อมมิได้

การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง หรือนปช.เป็นการใช้สิทธิเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภา เพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ และการเลือกตั้ง ใหม่นั้น ก็ไม่แน่ชัดว่าฝ่ายใดจะชนะและได้จัดตั้งรัฐบาลต่อไป

ส่วนการที่รัฐบาลประกาศขอให้ผู้ชุมนุมยุติการชุมนุม แต่ผู้ชุมนุมมิได้ยุติการชุมนุม ยังคงใช้พื้นที่สาธารณะชุมนุมกันต่อไป หากขัด คำสั่งรัฐบาล หรือก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่บุคคลอื่น หรือจะมีความผิดเกี่ยวกับกฎหมายใด ย่อมเป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก

การชุมนุมเช่นนี้มิได้มีลักษณะเป็นการข่มขู่เพื่อผลทางการเมือง หรือเป็นการชุมนุมเพื่อให้รัฐบาล หรือสาธารณชนตกอยู่ในภาวะตื่นตระหนก หวาดกลัว

การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง หรือนปช.ก่อนเกิดเหตุจึงยังฟังไม่ได้ว่าเป็นการกระทำการก่อการร้าย



ลงโทษบ.ประกันจ่ายเพิ่ม

ส่วนเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุ เห็นว่ากลุ่มคนร้ายที่บุกรุกและเผาทรัพย์ในห้างสรรพสินค้าเซนมีจำนวนไม่มาก ใช้วิธีการไม่สลับซับซ้อน กลุ่มคนที่ลงมือเผากระทำการในลักษณะดังที่พยานจำเลยใช้คำว่าพยายามแล้วพยายามอีกที่จะเผา ไม่ได้ใช้ทักษะพิเศษใดๆ ที่ต้องอาศัยการฝึกฝนเพื่อให้เกิดความชำนาญแม่นยำ

สำหรับถังแก๊ส น้ำมัน ระเบิดขวด หรือยางรถยนต์ ก็เชื่อว่าเป็นสิ่งที่หยิบฉวยได้จากบริเวณใกล้เคียงมาใช้เป็นเชื้อเพลิงและอาวุธ และเมื่อเกิดความเสียหายขึ้นแล้ว ก็ไม่มีบุคคลหรือกลุ่มบุคคลใดออกมารับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นผลงานของตน

แม้การกระทำของกลุ่มคนดังกล่าวจะมีอาวุธ ใช้กำลังและความรุนแรง แต่ก็ไม่ถึงขนาดจะทำให้ประชาชนส่วนมากเกิดความหวาดกลัวในชีวิตและทรัพย์สิน ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับโจทก์ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ ก็ไม่ถึงกับจะส่งผลทำให้เศรษฐกิจของทั้งประเทศตกต่ำ

ที่สำคัญขณะคนร้ายเผาห้างสรรพสินค้าเซน แกนนำประกาศยุติการชุมนุมแล้ว ไม่มีข้อเรียกร้องใดทางการเมืองเหลืออยู่ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำของกลุ่มใด ก็ไม่ได้กระทำเพื่อข่มขู่ให้รัฐบาลยุบสภาหรือให้นายอภิสิทธิ์ลาออกจากตำแหน่ง จึงมิใช่การกระทำที่หวังผลทางการเมือง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันดังกล่าว จึงไม่อาจรับฟังได้ว่าเป็นการก่อการร้ายเช่นกัน

มีข้อพิจารณาต่อไปว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการก่อความไม่สงบของประชาชนถึงขนาดลุกฮือขึ้นต่อต้านรัฐบาลหรือไม่ เห็นว่าภัยที่เกิดจากการก่อความไม่สงบของประชาชนถึงขนาดลุกฮือต่อต้านรัฐบาล ก็ไม่ควรจะยิ่งหย่อนไปกว่าภัยที่เกิดจากสงคราม การรุกราน การกระทำของศัตรูต่างชาติ ฯลฯ และต้องแยกพิจารณาเป็น 3 ส่วน คือ

จะต้องเป็นการก่อความไม่สงบของประชาชน จะต้องมีประชาชนร่วมกันเป็นจำนวนมากลุกฮือขึ้นและจะต้องมีวัตถุประสงค์เพื่อต่อต้านรัฐบาล และจะต้องเป็นประชาชนที่ถือว่าเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ แต่เหตุการณ์ที่มีการชุมนุมต่อเนื่องบริเวณสี่แยกราชประสงค์ ประชาชนที่เข้าร่วมชุมนุมเมื่อเทียบกับประชากรส่วนใหญ่ของประเทศแล้ว ถือว่าเป็นคนเพียงส่วนน้อยเท่านั้น

แม้การชุมนุมนั้นจะส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของผู้อื่นที่ไม่ได้เข้าร่วมชุมนุมอยู่บ้าง แต่ก็เป็นเพียงในวงจำกัด ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศยังใช้ชีวิตประจำวันตามปกติ ไม่ปรากฏว่าเกิดความรู้สึกตื่นตระหนกหรือหวาดกลัว ว่าจะเกิดอันตรายขึ้นกับชีวิตและทรัพย์สินของตน ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง หรือนปช.เป็นการก่อความไม่สงบของประชาชนถึงขนาดลุกฮือต่อต้านรัฐบาล

อย่างไรก็ดีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังแกนนำประกาศยุติการชุมนุม เป็นการไม่นำพาต่อคำสั่งรัฐบาล ก่อให้เกิดความปั่นป่วน วุ่นวาย ความไม่มีระเบียบ จนไม่สามารถควบคุมได้ อันถือได้ว่าอยู่ในความหมายของคำว่าการจลาจล

ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าความเสียหายที่โจทก์ได้รับเป็นภัยที่เกิดจากการจลาจล จำเลยจึงต้องรับผิดชำระค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์เป็นเงิน 1,647,754,318.89 บาท

ในขณะที่ บ.นิวแฮมพ์เชอร์ฯ ผู้รับประกันภัยร่วมได้ชำระค่าสินไหมทดแทนบางส่วนให้แก่โจทก์ การกระทำของจำเลยเป็นการละเว้นที่จะปฏิบัติตามสัญญาโดยสิ้นเชิง เป็นการจงใจไม่เหลียวแลและเคารพสิทธิ์ของผู้อื่น โดยเฉพาะผู้บริโภค เห็นควรกำหนดค่าเสียหายในเชิงลงโทษ เพื่อให้จำเลยใช้ความระมัดระวังในการดำเนินการมากขึ้น ให้แก่โจทก์ 1 ใน 5 เท่าของความเสียหายที่ศาลพิพากษา 1,647,754,318.89 บาท คิดเป็นเงิน 329,550,863.07 บาท อีกส่วนหนึ่ง

พิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์หรือสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ 1,977,305,182.59 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของเงินต้นดังกล่าวนับแต่วันฟ้อง และให้จำเลยชำระค่าธรรมเนียมต่อศาลในนามโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความ 60,000 บาท

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์