ตำรวจยันมีทีเด็ดแถลงศาล ประกิตเผ่า สติดี

ผบช.น.ชี้ลูกน้องทำถูก รพ.สรีธัญญาเสนอตั้ง กก.กลางมาสอบอาการ


สารวัตรฐิติเดช เผยมีข้อมูลเด็ดเตรียมแถลงศาล ยัน น.พ.ประกิตเผ่า สติสัมปชัญญะดีทุกประการ ไม่สนใครว่ารับผลประโยชน์

ด้าน ผบช.น.คนใหม่ กับรองผู้กำกับโรงพักบางซื่อ

ประสานเสียง ลูกน้องทำถูกต้องตามกระบวนการกฎหมายแล้ว เพราะพบพิรุธหลายจุดแต่คลี่ปมไม่ได้ จึงต้องพึ่งบารมีศาล ส่วน รพ.ศรีธัญญา เตรียมตั้งคณะกรรมการกลาง เข้ามาตรวจสอบอาการ หมอเผ่า เชิญจิตแพทย์จากราชวิทยาลัยฯ ร่วมคลายข้อสงสัยของสังคม

ด้านแพทย์เจ้าของไข้

เผยอาการผู้ป่วยสงบลง แต่ยังคงหวาดระแวง เกรงจะมีคนมาทำร้าย เปิดตัว โจ้ ผู้ช่วยดูแลคนไข้ ยอมรับให้ หมอเผ่า ยืมโทรศัพท์จริง เปมิกา ย้ำประเด็นไม่ได้อยู่ที่ พี่หมอ บ้าหรือไม่ แต่ต้องมีสิทธิออกมาพูด ด้านนายอำเภอพุทธมณฑล รู้ข่าวตกใจ เพราะไม่มีวี่แววว่าเพื่อนจะเป็นโรคจิต คุณหญิงพรทิพย์ ยินดีช่วยหากยื่นเรื่องร้องเรียน ขณะที่ หมอนิรนาม แฉกระบวนการวินิจฉัยคนไข้โรคจิตมีปัญหา วอน ผู้บริหารเข้าตรวจสอบ

เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง


กรณี "เดลินิวส์" นำเสนอข่าว นพ.ประกิตเผ่า ทมทิตชงค์ เจ้าของสถาบันกวดวิชาแอพพลายด์ฟิสิกส์ ถูกครอบครัวนำตัวเข้ารักษาอาการป่วยทางจิตที่โรงพยาบาลศรีธัญญา ขณะที่เจ้าตัวพยายามดิ้นรนบอกเพื่อนสาวคนสนิทผ่านทางโทรศัพท์ว่าตนเองไม่ได้บ้า แต่ถูกนำมากักตัวไว้ที่รพ. แล้วนำไปสู่การแจ้งความร้องทุกข์

กระทั่งพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ ยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ รพ.ศรีธัญญา ปล่อยตัว นพ.ประกิตเผ่า

เพราะมีหลักฐานเชื่อได้ว่าถูกกักตัวไว้โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลจึงนัดไต่สวนฉุกเฉินในวันที่ 2 มี.ค. ให้ ผอ.รพ.ศรีธัญญา มาให้การพร้อมนำตัว นพ.ประกิตเผ่า มาด้วย

ต่อมาทาง ผอ.รพ.ศรีธัญญา พร้อมด้วยครอบครัวนพ.ประกิตเผ่า ได้แถลงข่าวร่วมกันว่า

นพ.ประกิตเผ่า มีอาการเป็นผู้ป่วยทางจิตชนิดหวาดระแวง เนื่องจากพบสารเอฟริดีน ซึ่งเป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทในปัสสาวะมากกว่าคนปกติ 200 เท่า พร้อมขอความเป็นธรรมจากสังคม ตามที่เสนอข่าวให้ทราบอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น

ยัน "หมอเผ่า" ยังหวาดระแวง


ความคืบหน้าที่โรงพยาบาลศรีธัญญา จ.นนทบุรี เมื่อเวลา 10.10 น. วันที่ 28 ก.พ. นพ.ไพฑูรย์ สมุทรสินธุ์ แพทย์เจ้าของไข้ นพ. ประกิตเผ่า ทมทิตชงค์ เจ้าของสถาบันกวดวิชาแอพพลายด์ฟิสิกส์ เปิดแถลงข่าวเป็นครั้งแรก ว่า ที่ไม่ได้ออกมาให้ข่าวก่อนหน้านี้เนื่องจากอยู่ระหว่างลาพักร้อน วันนี้ได้ขออนุญาตมารดาของคนไข้เพื่อให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนเพื่อมิให้เกิดความสับสน ส่วนที่เกี่ยวข้องกับสิทธิของคนไข้ ในฐานะแพทย์ผู้รักษาต้องสงวนสิทธิไว้

ขอเรียนว่าอาการของ นพ.ประกิตเผ่า วันนี้ก็เหมือนกับที่ ผอ.รพ.ศรีธัญญา ได้แถลงต่อสื่อมวลชน

ตามที่ตนบันทึกไว้ในเวชระเบียน คือ คนไข้ยังมีภาวะหวาดระแวง กลัวคนมารังแก และทำร้าย ซึ่งอาจเกิดอันตรายต่อคนอื่นได้ จึงจำเป็นต้องให้คนไข้รักษาตัวใน รพ.และให้ยารักษาร่วมกับกระบวนการรักษาทางด้านจิตเวช เพื่อให้อาการสงบลง

เสนอตั้งแพทย์กลางตรวจสอบ


นพ.ไพฑูรย์ กล่าวต่อว่า กรณี นพ. ประกิตเผ่า คนไข้ไม่ได้หมดสติ แต่การรักษา ต้องให้คนไข้พักรักษาตัวอยู่ในสถานที่ที่สงบ ไม่มีตัวกระตุ้น เพราะถ้าคนไข้เกิดอาการเครียด อาการจะไม่ดีขึ้น ตอนนี้คนไข้ยังมีอาการหวาดระแวง แต่หลังจากให้ยาคนไข้เริ่มสงบลง ตนต้องหมั่นเข้าพูดคุยกับคนไข้ ไม่เช่นนั้นคนไข้จะหงุดหงิด ไม่ค่อยเชื่อฟังคำแนะนำของพยาบาล หรือผู้ช่วยเหลือคนไข้ แต่จะเชื่อฟังตนมากกว่า

เมื่อถามว่า คนไข้จะสามารถไปขึ้นศาลตามหมายเรียกในวันที่ 2 มี.ค. นี้ได้หรือไม่

นพ.ไพฑูรย์ กล่าวว่า ไม่ สามารถพยากรณ์อาการล่วงหน้าได้ อย่างไรก็ตาม ในฐานะผู้รักษา เราคำนึงถึงความปลอดภัยของคนไข้เป็นลำดับแรก เพื่อสร้างความกระจ่างให้กับ สังคม ทั้งนี้ได้เสนอไปยังนพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ผอ.รพ.ศรีธัญญา ให้ตั้งคณะแพทย์กลางขึ้นมาตรวจรักษาคนไข้รายนี้แล้ว

มองผิวเผินบอกไม่ได้ว่าป่วยจริง


คนทั่วไปหากมองอย่างผิวเผินจะบอกไม่ได้ว่านพ.ประกิตเผ่ามีความผิดปกติ เพราะคนไข้ระมัดระวังตัวเองเกี่ยวกับเรื่องที่เขากังวล แต่ญาติใกล้ชิดจะเห็นความเปลี่ยนแปลง การรักษาดำเนิน การตามมาตรฐานเหมือนคนไข้ทั่วไป ในฐานะที่คนไข้เป็นแพทย์ การพูดคุยต้องให้เกียรติ ไม่ได้ไปถามว่า มีอาการหูแว่วหรือไม่

แต่จากประสบการณ์ทำให้ประเมินได้ว่า

คนไข้มีภาวะผิดปกติทางจิต ซึ่งจิตแพทย์ทุกคนให้คำวินิจฉัยเบื้องต้นได้ ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติมต้องตรวจทางคลินิก และผลการทดสอบทางจิตวิทยาเพิ่มเติม ในรายของ นพ. ประกิตเผ่า ได้ซักถามอาการจากญาติเป็นลำดับแรก เพราะเป็นผู้นำตัวส่งเข้ารักษา ส่วนเลือดและปัสสาวะที่นำส่งตรวจทางคลินิกนั้น เป็นการเก็บตัวอย่างส่งตรวจในวันแรกที่คนไข้เข้ารักษาคือวันที่ 19 ก.พ. ก่อนที่ทางโรงพยาบาลจะให้การรักษาด้วยยา" แพทย์เจ้าของไข้ กล่าว

รับรู้จักพี่ชายหมอเผ่าแต่ไม่สนิท


นพ.ไพฑูรย์ กล่าวต่อว่าส่วนการตรวจพบสารเอฟริดีนสูงมากนั้น ต้องตรวจสอบต่อว่ามีที่มาอย่างไร เพราะสารเอฟริดีนไม่ได้นำมาใช้ในทางการแพทย์ เพราะถือเป็นยาเสพติดประเภทที่ 3 ซึ่ง รพ.ศรีธัญญา ก็ไม่ได้ใช้สารนี้อยู่แล้ว โดยสารเอฟริดีนมีผลต่อร่างกายทำให้ใจสั่น ชักและเสียชีวิตได้ การรักษาผู้ป่วยที่มีอาการระแวงจะให้คนไข้อยู่ในสถานที่สงบ ปลอดภัย ให้ยาร่วมกับการพูดคุยกับคนไข้ เพราะการรักษาทางจิตเวช ไม่ได้ใช้ยาอย่างเดียว สัมพันธภาพจิตใจเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากเรื่องนี้ผู้ป่วยรายนี้เป็นประเด็นทางสังคม

นพ.ประกิตเผ่า อยากพูดคุยกับใครเป็นพิเศษหรือไม่

นพ.ไพฑูรย์ กล่าวว่า บอกคิดถึงคุณแม่ ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ ให้รายละเอียดไม่ได้

เมื่อถามถึงกรณีที่มีการมองว่า นพ.ไพฑูรย์ รู้จักกับ นพ.ประกิตพันธุ์ พี่ชายของ นพ.ประกิตเผ่า นั้น

นพ.ไพฑูรย์ กล่าวว่า ก็รู้จักกัน แต่ไม่ได้สนิทสนม ในฐานะจิตแพทย์การรักษาคนไข้ต้องมีจรรยาบรรณ และมีมาตรฐานวิชาชีพ ไม่ได้คิดว่ากรณีนี้ต้องเป็นน้อง เพื่อน หรือใคร

เปิดตัว "โจ้" คนให้ยืมมือถือ



ด้านนายอนุวัฒน์ จันทประเทศ หรือ "โจ้" พนักงานผู้ช่วยเหลือคนไข้ รพ.ศรีธัญญา และเป็นบุคคลที่ปรากฏในข่าวว่าได้ให้ นพ.ประกิตเผ่า ยืมโทรศัพท์มือถือโทรฯหาบุคคลภายนอก กล่าวว่า ตนให้ นพ.ประกิตเผ่า ยืมโทรศัพท์จริง แต่ไม่ได้ฟังว่าคุยอะไรกับใครเพราะไปทำงานด้านนอกห้อง

หลังจากให้ยืมโทรศัพท์มีผู้ชายโทรฯ กลับมาที่เครื่องของตนอ้างว่าเป็นญาติคุณหมอประกิตเผ่า พร้อมสอบถามว่าอาการเป็นอย่างไร

ตนบอกว่ารับประทานอาหารได้ ให้น้ำเกลือ ไม่ได้เป็นคนบอกว่าไม่มีอาการคลุ้มคลั่ง นอกจากนี้มีผู้หญิงโทรฯกลับมาอ้างว่าเป็นคนรักของคุณหมอ ถามอาการจึงบอกว่ากินข้าวได้ ต่อมาก็โทรฯมาบ่อยแต่ตนไม่ได้รับสาย

โฆษกหมอยันไม่เคยทำคนดีให้ป่วย


นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ไม่มีประโยชน์อะไรที่กรมสุขภาพจิต จะรับคนปกติแล้วทำให้มีการป่วยด้านจิตเวช ที่ผ่านมาเคยมีการฟ้องร้องต่อศาล ขอให้จิตแพทย์ไปเป็นพยานเพื่อขอสิทธิดูแลทรัพย์สินของผู้ป่วย กรณีสูงอายุเท่านั้น ซึ่งแพทย์ต้องดูอย่างละเอียด ผิดปกติระดับใดถึงจะไร้สมรรถภาพฟั่นเฟือน ซึ่งต้องมีทีมสหวิชาชีพเป็นผู้ให้ความเห็น การปรักปรำคนไข้ว่าเจ็บป่วย เราไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย กรณีที่เกิดขึ้นเป็นกรณีศึกษาที่ทางโรงพยาบาลต้องตระหนักถึงความลับของคนไข้




รองผกก.โต้พบพิรุธหลายจุด


ขณะที่ พ.ต.ท.อำพล บุญเพิ่ม รอง ผกก.สส.สน.บางซื่อ ผู้บังคับบัญชาของ พ.ต.ท. ฐิติเดช อินทรแป้น พนักงานสอบสวน (สบ3) สน.บางซื่อ กล่าวว่า การดำเนินงานของ พ.ต.ท. ฐิติเดชได้กระทำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 90 ซึ่งสามารถทำได้ ไม่เป็นการกระทำเกินกว่าอำนาจหน้าที่ ซึ่งการกระทำในส่วนนี้ถือเป็นการสืบสวนสอบสวนทางคดีอย่างหนึ่ง

เมื่อมีผู้มาร้องทุกข์ พนักงานสอบสวนก็ต้องดำเนินการตามหน้าที่เท่าที่จะทำได้

กรณีของ นพ.ประกิตเผ่า เมื่อ พ.ต.ท.ฐิติเดช เดินทางเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ รพ.ศรีธัญญา ก็ได้พบกับญาติและแพทย์เจ้าของไข้ แต่กลับไม่ได้รับความร่วมมือจากทาง รพ.แต่อย่างใด อีกทั้งจากการสอบสวนพยานแวดล้อมต่าง ๆ ก็พบพิรุธหลายจุด เป็นมูลเหตุให้เกิดความคลางแคลงใจมากยิ่งขึ้น

จึงต้องขอบารมีศาลเป็นที่พึ่ง


พ.ต.ท.อำพลกล่าวต่อว่าเมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ พนักงานสอบสวนก็ไม่สามารถกระทำการใด ๆ ได้เพื่อให้เกิดความกระจ่าง จึงต้องขอบารมีศาลเป็นที่พึ่ง ซึ่งการยื่นคำร้องต่อศาลดังกล่าว ก็ต้องมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะทำให้ศาลเชื่อมั่นว่าคดีมีมูล ศาลจึงอนุญาต ซึ่ง พ.ต.ท.ฐิติเดช ก็ได้ทำไปแล้ว และศาลก็มีคำสั่งให้ไต่สวนฉุกเฉินในวันที่ 2 มี.ค.นี้ ส่วนผลจะออกมาอย่างไร ก็ต้องถือว่าพ.ต.ท.ฐิติเดช ปฏิบัติหน้าที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว

ใครจะคิดว่ารับสินบนก็แล้วแต่


"หลังเกิดเรื่องขึ้น ผมในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาระดับ บก.น.2 ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง แล้วทำรายงานชี้แจง ซึ่งผมก็ได้เสนอรายงานไปแล้ว และผู้บังคับบัญชาก็ได้ตรวจสอบพิจารณาข้อเท็จจริงทั้งหมดแล้ว จึงมีคำสั่งลงมาให้ตั้งแต่นี้

การดำเนินการทุกอย่างต้องอยู่ในดุลพินิจของศาลเท่านั้น

และให้ระมัดระวังการให้ข่าวต่อสื่อมวลชน ต้องไม่กระทบสิทธิส่วนบุคคลของครอบครัว นพ.ประกิตเผ่าจนเกินไป ที่ผ่านมาหลายฝ่ายวิจารณ์การทำงานของ พ.ต.ท.ฐิติเดช ว่าเหมือนจะกระตือรือร้นกับคดีนี้อย่างออกนอกหน้า

มีการรับผลประโยชน์จากผู้ร้อง คือ น.ส.เปมิกา หรือไม่

ซึ่งก็ถือเป็นวิจารณญาณของแต่ละคน ทุกคนมีความคิด แต่ตำรวจก็มีหน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุขของประชาชน หาก พ.ต.ท.ฐิติเดช ไม่รับแจ้งความ ไม่ทำอย่างที่เป็นอยู่นี้ วันหน้าหากเรื่องแดงขึ้น อาจตกเป็นจำเลยสังคมเสียเองได้ สุดท้ายก็คงต้องรอดูว่าวันที่ 2 มี.ค. นี้ ศาลจะว่าอย่างไร" รอง ผกก.สส.สน.บางซื่อ กล่าวตอนท้าย

ผบช.น.ยันลูกน้องทำตามหน้าที่ตร.


พล.ต.ท.อดิศร นนทรีย์ รักษาการ ผบช.น.กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า เรื่องนี้จะเป็นคดีความหรือไม่ ต้องรอฟังการไต่สวนฉุกเฉินของศาลอาญาในวันที่ 2 มี.ค.ก่อน ส่วนการปฏิบัติหน้าที่ของ พ.ต.ท.ฐิติเดช อินทรแป้น พนักงานสอบสวนสน.บางซื่อ ผู้รับแจ้งก็อยู่ในอำนาจที่สามารถทำได้ เพราะเมื่อมีผู้มาแจ้งความร้องทุกข์ ตำรวจก็ต้องดำเนินการ

ไม่เข้าใจกัก "พี่หมอ" ไว้ทำไม


ด้าน น.ส.เปมิกา วีรชัชรักษิต เพื่อนของ นพ.ประกิตเผ่า ผู้เปิดประเด็นดังกล่าว กล่าวขณะอยู่บนโรงพัก สน.บางซื่อ ว่า ตอน นี้ไม่ได้เครียดอะไร แต่จะทำให้ดีที่สุดในสิ่งที่ เพื่อนรักขอความช่วยเหลือ ตอนนี้ทุกคนยังเข้าใจประเด็นผิด

ประเด็นไม่ได้อยู่ที่หมอบ้าหรือไม่บ้า แต่อยู่ที่ว่าทุกคนมีสิทธิของตัวเองที่จะพูด

ไม่เข้าใจว่าไปกักหมอไว้ทำไม ทำไมไม่ให้หมอออกมาพบเจ้าหน้าที่ เรื่องที่เราออกมาพูด บางคนเข้าใจคลาดเคลื่อนว่ามาเรียกร้องอะไร เป็นเมียน้อยเมียเก็บหรือเปล่า แต่จริง ๆ เราเป็นแค่เพื่อนสนิท ในกลุ่มมีหลายคน

พวกเรารักเขามาก เขาขอให้ช่วย ก็จะทำให้ดีที่สุด

"เปเชื่อว่าหมอเผ่าไม่ได้บ้า หรือป่วยทางจิต หลายเรื่องเป็นความเชื่อส่วนบุคคล แต่ครอบครัวก็ไม่น่าใช้วิธีนี้กับคุณหมอ เปไม่มีเจตนาทำให้ครอบครัวเสียหาย หรือเสื่อมเสียชื่อเสียง ถ้าจะฟ้องตนก็ต้องให้หมอออกมาพูดก่อน เพราะสิ่งที่พูดและให้ข่าว เป็นสิ่งที่ได้รับฟังจากหมอตลอด"

ไม่สนถูกมองว่าดิสเครดิต


ผู้สื่อข่าวถามว่ารู้สึกอย่างไรที่อาจถูก มองเป็นกลุ่มเพื่อน 4-5 คน ที่เข้ามาดิสเครดิตครอบครัวหมอเผ่า น.ส.เปมิกา กล่าวว่าตนไม่คิดจองเวรใคร ตนมีจุดยืนและจะทำให้ดีที่สุด เพื่อรักษาสิทธิและทำตามที่หมอโทรศัพท์มาขอความช่วยเหลือ ตั้งแต่รู้จักกับหมอ ตนและเพื่อน ๆ ก็ไม่เคยได้อะไร นอกจากความรักและมิตรภาพที่ดี

ยืนยันจะสู้เพื่อให้หมอได้ออกมาพูด

ซึ่งตอนนี้เวลาไปไหนมาไหน เจอเพื่อน ๆ ก็ให้กำลังใจ ตอนนี้อยู่ระหว่างสอบที่จุฬาฯ ตนก็ไม่ได้ไปสอบแจ้งให้อาจารย์ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น อาจารย์ก็เข้าใจและ ให้กำลังใจ

ส่วนบรรยากาศตามสถาบันกวดวิชา แอพพลายด์ฟิสิกส์ หลายสาขา อาทิ ที่สยามสแควร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า

ยังคงมีบรรดานักเรียนที่มาลงเรียนคอร์สกวดวิชาต่าง ๆ เข้าเรียนตามปกติ จากการสอบถามนักเรียนคนหนึ่งซึ่งเป็นลูกศิษย์ของ นพ.ประกิตเผ่า กล่าวว่า รู้สึกเสียใจที่เกิดเหตุนี้ขึ้นกับอาจารย์เผ่า อยากให้อาจารย์กลับมาสอนพวกเราเหมือนเดิมว่าอาจารย์น่าจะสอนได้เหมือนเดิม

นอภ.พุทธมณฑลรู้ข่าวตกใจ


ขณะที่ นายสุจินต์ ไชยชุมศักดิ์ นายอำเภอพุทธมณฑล จ.นครปฐม ผู้ซึ่งได้รับการติดต่อจาก "หมอเผ่า" ในช่วงวันเกิดเหตุ เปิด เผยว่ารู้จักกับ นพ.ประกิตเผ่ามาประมาณ 1 ปีเศษ เนื่องจากคุณหมอมาติดต่อขอเลขที่ทะเบียนบ้าน หลังจากนั้นก็ได้โทรศัพท์คุยกันหลายครั้งเกี่ยวกับเรื่องการจัดกิจกรรมสาธารณประโยชน์ในชุมชน

ล่าสุดเมื่อวันที่ 12 ก.พ. คุณหมอได้โทรศัพท์มาปรึกษาเรื่องหย่ากับภรรยา

ให้เหตุผลว่ามีปัญหาส่วนตัว ตนในฐานะนายอำเภอก็ได้พูดจาไกล่เกลี่ย แต่ทางคุณหมอบอกว่าถึงที่สุดแล้ว จนวันที่ 13 ก.พ. ช่วงเย็น ตนได้โทรศัพท์ไปหาคุณหมอเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ทางคุณหมอก็ยังคงยืนยันที่จะหย่า บอกว่ากำลังทำรายการเรื่องทรัพย์สินอยู่ จากวันนั้นก็ติดต่อไม่ได้อีกเลย

จากนั้นไม่กี่วันมีพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ เข้ามาสอบปากคำ

และขอข้อมูลจากตนจึงทราบเรื่องว่าคุณหมอถูกญาตินำตัวส่ง รพ.ศรีธัญญาแล้ว ก็รู้สึกตกใจพอสมควร เพราะเท่าที่ได้คุยและรู้จักกันมาเกือบ 2 ปี ก็พบว่าเป็นคนอารมณ์ดี พูดจารู้เรื่องปกติ ไม่พบว่าจะมีปัญหาทางจิตหรือประสาท แต่จะไม่ขอล่วงเข้าไปถึงผลการวินิจฉัยของแพทย์เพราะจะมีผลต่อรูปคดี

คุณหมอเคยบอกว่า

ชอบสะสมปืน และกีตาร์ แต่ขณะที่ผมดำรงตำแหน่งนายอำเภอที่นี่ ไม่เคยออกใบอนุญาตเกี่ยวกับอาวุธปืนให้กับหมอประกิตเผ่าแม้แต่ครั้งเดียว อาจจะขอจากสำนักทะเบียนเขตอื่นก็เป็นได้ ก่อนที่จะย้ายทะเบียนบ้านมาอยู่ที่ อ.พุทธมณฑล

แม่ลงปจว.ลูกชายเบิกเงินมาก


ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบพบว่าเมื่อวันที่ 19 ก.พ. เวลา 08.30 น. นางเพลินจิต ทมทิตชงค์ มารดาของ นพ.ประกิตเผ่า ได้เข้ามาแจ้งความลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐานกับ ร.ต.ต.พีระพงษ์ ชัยศรี พนักงานสอบสวน สภ.อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม ว่า

นพ.ประกิตเผ่า มีพฤติกรรมเปลี่ยนไป มีการเบิกเงินออกมาเป็นจำนวนมาก

เกรงจะถูกกลุ่มมิจฉาชีพล่อลวง ไปและเป็นอันตราย จึงลงบันทึกประจำวันไว้ โดยได้รับการชี้แจงจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ. พุทธมณฑล ว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้มีการนำกำลังติดตามตัว นพ.ประกิตเผ่า แต่อย่างใด เพราะผู้แจ้งประสงค์ลงบันทึกไว้เป็นหลักฐานเท่านั้น

จากนั้นได้เข้าไปตรวจสอบยังบ้านพักของนพ.ประกิตเผ่า และนางอลิสา ภรรยา

ตั้งอยู่เลขที่ 111 หมู่บ้านสนามกอล์ฟ ถนนศาลายา-บางเลน ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม พบว่าเป็นคฤหาสน์หรู อยู่ภายในสนามกอล์ฟรอยัล เจมส์ บนเนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ มีมูลค่าสูงถึง 80 ล้านบาท แต่เมื่อติดต่อเข้าไปในบ้าน พบเพียงผู้ดูแลบ้านเท่านั้น



เจ้าวัดท่าซุงชี้ปฏิบัติธรรมเพื่อสงบ


ผู้สื่อข่าว จ.อุทัยธานี ได้เข้าพบพระปลัดอนันต์ เจ้าอาวาสวัดท่าซุง ต.น้ำซึม อ.เมือง จ.อุทัยธานี เพื่อสอบถามถึงกรณีที่ นพ.ประกิต เผ่า เคยมาบวชและปฏิบัติธรรมที่วัดแห่งนี้เมื่อเดือน เม.ย.ปีที่แล้ว

พระปลัดอนันต์ กล่าวว่า

นพ.ประกิตเผ่า มาบวชที่วัดท่าซุงระหว่างวันที่ 9-28 เม.ย. 2549 และได้ปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิตามแนวทางของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าซุงที่ได้มรณภาพไปนานแล้ว เรียก ว่า "มโนยิทธิ" เป็นวิธีปฏิบัติด้วยการกำหนด ลมหายใจเข้าออก แก้อารมณ์ฟุ้งซ่าน ด้วยการนั่งสมาธิในวิหารแก้ว 100 เมตร นาน 30 นาที ต่อวัน

ซึ่งสภาพจิตใจของ นพ.ประกิตเผ่า ขณะนั้นดูแจ่มใสดี

ไม่ได้บ่งบอกว่าเป็นผู้มีอาการทาง จิตแต่อย่างใด เพราะถ้ามีพระที่นี่ก็คงนำตัวส่ง รพ.ให้แพทย์รักษาแล้ว "ที่จริงอาตมาไม่รู้ว่าเขาเป็นนายแพทย์ เพราะที่นี่มีบุคคลหลายอาชีพมาบวชกัน ทั้งหมอ วิศวกร หรือครูบาอาจารย์ แต่ละวันจะมีผู้มาปฏิบัติธรรมประมาณ 20-30 คน แต่ถ้าเสาร์-อาทิตย์ก็จะมากถึง 50-100 คน เลยทีเดียว

หมอนิรนามแฉปัญหากระบวนการ


อย่างไรก็ตาม ได้มีนายแพทย์ด้านจิตเวชท่านหนึ่ง (ขอสงวนนาม) เปิดเผยกับ "เดลินิวส์"ว่า ดีใจที่ตำรวจ สน.บางซื่อ กับหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ นำเสนอข่าวนี้ เพราะตนเป็นบุคลากรทาง การแพทย์ด้านจิตเวช รู้สึกอึดอัดใจกับกระบวนการพิจารณาตัดสินผู้ป่วยทางจิตของเมืองไทย ตนเชื่อว่ามีปัญหา

คนธรรมดาพอเดินเข้าสถาบันบำบัดทางจิต หมอบางคนทางด้านนี้ก็จะแจ้งโรคจิตให้เขาได้หมด

เช่น เขาทะเลาะกับแฟน หรือถูกเจ้านายด่า ก็อาจถูกมองว่าเป็นโรคซึมเศร้า พอบ่นเรื่องการจราจร ก็จะถูกมองว่าเป็นคนคิดไม่ตรงกับสังคม ขอให้กำลังใจเดลินิวส์ที่นำเสนอข่าวนี้ และขอฝากไปยังบรรดาผู้บริหารระดับสูงที่เกี่ยวข้อง ลองลงไปตรวจสอบ หรืออาจจะทบทวนวิธีการวินิจฉัยคนไข้โรคจิตใหม่ให้มีมาตรฐานมากกว่านี้.


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์