เมื่อวันที่ 20 ก.พ. ที่วัดโตนดเตี้ย อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา นายเรวัต ประสงค์ นายอำเภออุทัย
นายทองคำ ทองวิเชียร ปศุสัตว์อำเภอ และน.ส.พัชยา พวงขจร ปลัดอำเภอ ได้ทำการจดทะเบียนตำหนิรูปพรรณ(ส.พ.8)ให้กับควายจำนวน 3 ตัว ได้แก่แฉะ ควายเพศเมีย อายุ 8 ปี ฉ่ำควายเพศเมีย อายุ 8 ปี และทองกวาว ควายเพศเมีย อายุ 5 ปี 7 เดือน เป็นควายประทานที่ถูกคนร้ายขโมยไปแล้วติดตามกลับคืนมาได้ก่อนทำการจดทะเบียน เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์อำเภอได้ทำการตรวจตำหนิรูปพรรณซึ่งใช้วิธีการจดบันทึกขวัญ ที่มีอยู่บนลำตัวของควาย โดยเฉพาะทองกวาว มีขวัญ จำนวน 5 แห่ง คือที่บริเวณ กลางหัว1 ขวัญ สันคอ 2 ขวัญ กลางลำตัว 1 ขวัญ บั้นท้าย 1 ขวัญ มีตำหนิกระดูกสันหลังโหนกสูง หลังจดทะเบียนได้มอบตั๋วรูปพรรณกระบือ ให้กับพระครูเกษมพัฒนาภรณ์ เจ้าอาวาส ส่วนอีก6 ตัว อายุยังไม่ถึง 5 ปี
นายเรวัต เปิดเผยว่า การทำตำหนิรูปพรรณสัตว์ ตามพ.ร.บ.2482 สัตว์พาหนะ ที่ต้องทำตำหนิมี ช้าง ม้า โค กระบือ ล่อ และลา
ต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นค่าธรรมเนียมตัวละ 50 สต. หากมีการสวมทะเบียน การขนย้ายโดยไม่มีตั๋วหรือไม่ได้ทำตำหนิรูปพรรณ เมื่อสัตว์เหล่านี้อายุครบ 6 ปี จะต้องเสียค่าปรับตัวละ 12 บาท ซึ่งขณะนี้นายวิทยา ผิวผ่อง ผวจ.พระนครศรีอยุธยา ได้มีหนังสือถึงทุกอำเภอให้ทำการตรวจสอบผู้ที่ครอบครองสัตว์ตามพ.ร.บ.ต้องทำการจดทะเบียนตำหนิรูปพรรณทุกตัว รวมทั้งโรงฆ่าสัตว์ที่มีอยู่ต้องปฎิบัติตามกฎหมายให้องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น อำเภอและตำรวจร่วมกันออกตรวจ เพื่อป้องกันการลักขโมยควาย
พระครูเกษมพัฒนาภรณ์ เปิดเผยว่า ทางวัดได้ให้ช่างสำรวจพื้นที่ออกแบบคอกควายให้ใหญ่ขึ้นแล้วจะทำเป็นโมขนาดกว้าง 7 เมตร ยาว 21 เมตร
ราคาประมาณ 300,000 บาท โดยพระครูสุทธิปัญญาโสภณ เจ้าอาวาสวัดท่าการ้อง และรองเจ้าคณะอำเภอพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานจัดสร้าง ขอเชิญผู้ที่มีจิตกุศลร่วมบริจาคทรัพย์ได้ที่วัดโดยเฉพาะผู้ที่เกิดวันอังคาร ตามตำราระบุว่าควายเป็นพาหนะ ของผู้ที่เกิดในวันอังคาร นอกจากนี้พื้นที่ติดกับคอกควายเป็นที่สาธารณะจำนวน 10 ไร่ ทางนายอำเภออุทัยได้อนุญาตให้จัดทำรั้วเป็นเขตสำหรับปลูกหญ้าให้ควายกิน เพื่อที่จะไม่ต้องให้ควายออกไปหาหญ้ากินไกลจากวัด