ตลาดน้ำอัดลมสุดเดือด โค้กดีมานด์กระฉูด อานิสงส์ เป๊ปซี่ ไม่มีขวดแก้ว
"ไทยน้ำทิพย์" ส่งหนังสือแจ้งลูกค้าทั่ว ปท.เร่งมือผลิต-บริการแก้ "ออร์เดอร์" ทะลัก ตลาดน้ำอัดลมสุดเดือด โค้กดีมานด์กระฉูด อานิสงส์ "เป๊ปซี่" ไม่มีขวดแก้ว ร่อนจดหมายถึงลูกค้าชี้แจงสถานการณ์ เผยเร่งผลิต-แก้ปัญหาสินค้าขาดตลาด เตรียมส่ง "บิ๊กแคมเปญ" ตอกย้ำผู้นำ ขณะที่ "เอส-บิ๊กโคล่า" แห่เปิดตัวโปรโมชั่นรับหน้าขายสำคัญ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดน้ำอัดลมเมืองไทยซึ่งมีความเปลี่ยนแปลงตั้งแต่พฤศจิกายน 2555 หลังจากเป๊ปซี่กับเสริมสุขสิ้นสุดสัญญาการเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่าย พร้อมการเปิดตัวแบรนด์ "เอส" ของเสริมสุข ขณะที่เป๊ปซี่ก็เข้ามาดำเนินการผลิตและจัดจำหน่ายด้วยตัวเอง แต่เหลือบรรจุภัณฑ์ในตลาดเพียง 2 ประเภท คือ ขวดเพ็ต และกระป๋อง ไม่มีขวดแก้ว ซึ่งเป็นสัดส่วนที่ใหญ่ที่สุดในตลาดถึง 70%
โค้กร่อนหนังสือแจงคู่ค้า
ล่าสุดบริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด ได้ส่งจดหมายถึงลูกค้าที่เป็นร้านค้าและร้านอาหารทั่วประเทศ เพื่อชี้แจงถึงสถานการณ์ตลาดน้ำอัดลมที่เกิดขึ้น เนื้อความหมายในจดหมายส่วนหนึ่งระบุว่า
จากการเกิดการเปลี่ยนแปลงในธุรกิจเครื่องดื่มน้ำอัดลม ตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคม 2555 เป็นต้นมา ทำให้ตลาดมีความต้องการผลิตภัณฑ์น้ำอัดลมเพิ่มขึ้นมากกว่าปกติ และส่งผลกระทบต่อการผลิตสินค้า การจัดจำหน่าย และการให้บริการด้านต่าง ๆ กับร้านค้า บริษัทได้ตระหนักถึงสถานการณ์ดังกล่าว และทุ่มเทงบประมาณเพื่อเพิ่มศักยภาพในการผลิตอย่างเต็มความสามารถ เพื่อให้สามารถรองรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม อาจส่งผลกระทบต่อการตอบสนองและการให้บริการกับผู้บริโภคและร้านค้าสักระยะหนึ่ง ซึ่งเชื่อมั่นว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติประมาณเดือนพฤษภาคม 2556
นางนฑาห์ บุญประสิทธิ์ ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท โคคา-โคลา (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า จดหมายดังกล่าวเป็นไปตามคำชี้แจงของผู้บริหารโคคา-โคลาเมื่อปลายปีที่แล้ว จากความต้องการต่อน้ำอัดลมของโคคา-โคลาที่เพิ่มขึ้นมาก และส่งผลต่อการให้บริการที่อาจมีล่าช้าหรือติดขัดบ้าง แต่ยืนยันว่าไม่มีปรากฏการณ์ที่ผลิตภัณฑ์ของบริษัทจะ "ขาดเชลฟ์" อย่างแน่นอน
ดีมานด์ทะลัก เพิ่มกะ-เพิ่มคน
ก่อนหน้านี้ช่วงปลายเดือนธันวาคม 2555 นายอาร์ชวัส เจริญศิลป์ ผู้อำนวยการองค์กรสัมพันธ์และการสื่อสาร บริษัท โคคา-โคลา (ประเทศไทย) กล่าวไว้เมื่อปลายปีที่แล้วว่า จากการเปลี่ยนแปลงของคู่แข่งทำให้สินค้าของคู่แข่งหายออกไปจากตลาดมากพอสมควร ทำให้วอลุ่มเข้ามาหาบริษัทจำนวนมาก และทำให้บริษัทต้องเพิ่มเวลาการทำงานเป็น 3 กะ ตลอด 7 วันไม่มีวันหยุด อย่างไรก็ตาม ก็ยังไม่สามารถชดเชยกับวอลุ่มที่หายไปได้ ที่ผ่านมาก็มีการเพิ่มจำนวนพนักงานให้บริการในพื้นที่อีก 500 คน แต่ก็ยังไม่เพียงพอ
การขยายตัวที่เพิ่มสูงขึ้นดังกล่าว ทำให้โคคา-โคลาประกาศงบฯลงทุนตลอด 3 ปีข้างหน้า ตั้งแต่ปี 2555-2558 ไว้ที่ 14,000 ล้านบาท ทั้งการขยายการผลิต การขยายไลน์ใหม่ ๆ ทั้งน้ำอัดลม น้ำทิพย์ และน้ำผลไม้, การเซอร์วิสลูกค้า รวมถึงการทำตลาด
"ตั้งแต่ต้นปีหน้าบริษัทจะเดินหน้าเพิ่มกำลังผลิต เพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่ง โดยหวังว่าไม่เกินครึ่งปีหน้านี้สถานการณ์ในเรื่องสินค้าขาดตลาดน่าจะดีขึ้น"
สิ้นปีที่ผ่านมา น้ำอัดลมของโคคา-โคลามีส่วนแบ่งในตลาดที่ประมาณ 55% ขณะที่เสริมสุขออกมาประกาศส่วนแบ่งในตลาดน้ำดำรวม 19% ขึ้นมาเป็นอันดับ 2 เร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก โดยตั้งแต่ต้นปีเอสออกมารุกตลาดน้ำสี และตั้งเป้าสิ้นปีมียอดขาย 8,000 ล้านบาท คิดเป็นส่วนแบ่งในตลาดน้ำอัดลม 20% โดยมีสัดส่วนระหว่างน้ำสีและน้ำดำอยู่ที่ 50 : 50
บิ๊กโคล่าโผล่แจม
อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลของบิ๊กโคล่าออกมาระบุว่า ข้อมูลจากเอซี นีลเส็น ซึ่งนับเฉพาะช่องทางร้านค้า (ไม่รวมร้านอาหารและอื่น ๆ) ปัจจุบันในตลาดน้ำดำ โค้กเป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่งไม่ต่ำกว่า 50% อันดับ 2 ยังเป็นเป๊ปซี่ ด้วยส่วนแบ่งตลาด 30% ขณะที่บิ๊กโคล่าเป็นเบอร์ 3 ด้วยส่วนแบ่ง 15-16%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงแคมเปญหน้าร้อนขณะนี้ ทุกค่ายเริ่มเปิดตัวกิจกรรมออกมากระตุ้นยอดและช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาดกันอย่างคึกคัก สำหรับเสริมสุขได้เปิดตัวโปรโมชั่น "แจกสุดขั้ว ! ทั่วประเทศ" ลุ้นเคสไอโฟน 5 แพลทินัมฝังเพชร 5 ชิ้น และเคสทองคำแท้ 100 ชิ้น มูลค่ารวมกว่า 18 ล้านบาท ก่อนที่จะเปิดตัวบิ๊กแคมเปญมาอีกรอบในช่วงกลางเมษายน ขณะที่
โคคา-โคลาจัดคอนเสิร์ตใหญ่ "โค้ก พรีเซ้นท์ คอนเสิร์ต เสียงจริง ตัวจริง" เพื่อตอกย้ำแบรนด์อิมเมจที่เข้ากระแส โดนใจคนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นภาพที่ "เป๊ปซี่" ครองความเป็นผู้นำมาอย่างยาวนาน ก่อนที่จะมีคอนซูเมอร์โปรโมชั่นออกมาในช่วงปลายกุมภาพันธ์นี้
ด้าน "บิ๊กโคล่า" ของอาเจ กรุ๊ป จากเปรู เปิดตัวน้ำสี "บิ๊ก จิงเจอร์ พายแอปเปิ้ล" ออกมาแนะนำตัวกับผู้บริโภค ถือเป็นครั้งแรกหลังจากอยู่ในตลาดเมืองไทยมากว่า 5-6 ปี ที่หันมารุกตลาดน้ำสีอย่างจริงจัง โดยโจทย์ของอาเจ กรุ๊ปปีนี้คือเน้นต่อยอดด้วยการทุ่มสร้างแบรนด์ให้โดนใจผู้บริโภคคนเมืองมากยิ่งขึ้นผ่านดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งและอีเวนต์ต่าง ๆ ขณะที่ "เป๊ปซี่" ยังไม่มีการเปิดตัวโปรโมชั่นใด ๆ ออกมา