สิงห์ จับมือคาร์ลสเบอร์กเป็นพันธมิตรร่วมทำธุรกิจใช้เครือข่ายกระจายสินค้า ลั่น 5 ปีขึ้นอันดับ 1 เบียร์พรีเมียมล้มแชมป์ไฮเนเก้น ทุ่มงบทำตลาด 200 ล้านสร้างแบรนด์เจาะคอเบียร์วัย 25-30 ปี
นายปิติ ภิรมย์ภักดี กรรมการบริหาร สิงห์ คอร์เปอเรชั่น เปิดเผยว่า เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาบริษัท และกลุ่มบริษัทคาร์ลสเบอร์ก ได้บรรลุข้อตกลงการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจในการทำตลาดและกระจายสินค้าไปทั่ว โลกร่วมกัน และถือเป็นการกลับเข้ามาทำตลาดในเมืองไทยอีกครั้งหลังออกจากตลาดในไทยไป ตั้งแต่ปี 2547 โดยในปีแรกของการกลับมานั้นมีเป้าที่จะสร้างแบรนด์คาร์ลสเบอร์กในประเทศไทย และตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 5 ล้านลิตร ภายใต้งบทำการตลาดประมาณ 200 ล้านบาทในปีแรก และจะเพิ่มขึ้นอีกปีละ 15-20% เพื่อผลักดันให้ยอดขายให้อยู่ที่ 35 ล้านลิตร และก้าวสู่การเป็นเบอร์ 1 ในตลาดเบียร์พรีเมียมของไทย และก้าวขึ้นสู่การเป็นเบอร์ 3 ของตลาดโลกในด้านยอดขาย ภายในระยะ 5 ปี จากที่ปัจจุบันที่อยู่อันดับ 4
นาย ปิติยังกล่าวว่า การร่วมมือในครั้งนี้ไม่ได้นำแค่เบียร์คาร์ลสเบอร์กเข้ามาจำหน่ายในประเทศ ไทยเท่านั้น แต่สิงห์สามารถใช้เครือข่ายของกลุ่มคาร์ลสเบอร์กในการทำตลาดในประเทศต่างๆ ทั่วโลกได้ด้วย โดยอาศัยความแข็งแกร่งของทั้ง 2 บริษัท ทั้งโรงงานและช่องทางจำหน่าย เพื่อทำตลาดในภูมิภาคอาเซียน เอเชีย และยุโรป ซึ่งคาร์ลสเบอร์กมีโรงงานผลิตเบียร์ในอาเซียน จำนวน 8 โรง ทั้งที่ ลาว กัมพูชา เวียดนาม และมาเลเซียกำลังการผลิตรวม 1,250 ล้านลิตร
"การ มีพันธมิตรที่ดีจะทำให้แบรนด์สินค้าของไทยเติบโตในตลาด เพราะสามารถรุกตลาดได้ทันที โดยเฉพาะในตลาดอาซียนที่จะมีการรวมตัวเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 ที่จะมีฐานผู้บริโภคมากกว่า 600 ล้านคน ซึ่งจะทำให้เบียร์สิงห์บรรลุเป้าหมายที่จะขึ้นเป็นแบรนด์อันดับ 3 ของภูมิภาคเอเชีย จากปัจจุบันที่อยู่อันดับ 5-6 ของภูมิภาคนี้" นายปิติกล่าว
นายปิติกล่าวว่า ส่วนแนวทางในการสร้างแบรนด์นั้น จะเน้นทำตลาดกับกลุ่มเป้าหมายอายุระหว่าง 25-30 ปี ซึ่งเดิมเป็นกลุ่มที่ดื่มไฮเนเก้น โดยจะมุ่งสร้างบุคลิกของแบรนด์ให้มีควมแตกต่างเรื่องคิดนอกกรอบ สปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง และมิวสิก มาร์เก็ตติ้ง กระจายสินค้าผ่านเครือข่ายที่มีอยู่กว่า 100 ราย โฟกัสตามหัวเมืองใหญ่ใน 21 จังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวโดยเฉพาะภาคใต้ที่มียอดขายเบียร์พรีเมียมสูง โดยเบื้องต้นจะนำเข้าจากลาวมาจำหน่ายก่อน และในอนาคตมีแผนผลิตในไทยต่อไปโดยใช้โรงงานของสิงห์
ทั้งนี้ปัจจุบันตลาดเบียร์ทุกเซ็กเมนต์มีการเติบโต 8-9% ต่อปี โดยเบียร์พรีเมียมมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 75 ล้านลิตร หรือ 630 ล้านบาท แต่เชื่อว่าหลังจากการเข้ามาของคาร์ลสเบอร์ก จะทำให้ตลาดคึกคักและมีการแข่งขันสูงขึ้น โดยคาดว่าจะเติบโตขึ้นอีกประมาณ 10-12% ส่วนตลาดเบียร์รวมในปีที่ผ่านมามีมูลค่า 1.3 แสนล้านบาท โต 15%