เกย์นที เตรียมร้องสภาวัฒนธรรมฯ จัดการ ปฏิทินนกแอร์ ขายภาพนางแบบสาวหวิวเกินเหตุ
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวอื่นๆ เกย์นที เตรียมร้องสภาวัฒนธรรมฯ จัดการ ปฏิทินนกแอร์ ขายภาพนางแบบสาวหวิวเกินเหตุ
วันที่ 7 ก.พ. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" ได้รับการร้องเรียนจาก นายนที ธีระโรจน์พงษ์ หรือ เกย์นที เลขาธิการกลุ่มเชียงใหม่อารยะ
และยังมีตำแหน่งที่ปรึกษาผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีภาคประชาชนและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ ว่า ได้เห็นปฏิทินแจก องสายการบินนกแอร์ ที่ออกเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ต ทางเฟซบุ๊ก และมีการแชร์ส่งต่อกันอย่างกว้างขวางในขณะนี้ โดยภาพปฏิทินดังกล่าวมีภาพนางแบบสาวใส่ยกทรง กางเกงในสีเหลือง มาโพสต์ท่ายืนอยู่หน้าเครื่องบินของสายการบินนกแอร์ และมีข้อความที่ปฏิทินนกแอร์ ที่แจกด้วยวิธีการให้ผู้สนใจอยากได้ปฏิทินดังกล่าว แค่กด Like หรือกด Share ในรูปภาพที่ลงทางเฟซบุ๊กของนกแอร์ หรือที่ถูกเผยแพร่ออกไปทางเฟสบุ๊ต ก็มีสิทธิเป็นผู้โชคดีได้รับปฏิทินจากนกแอร์ 300 ท่าน (แจก 100 รางวัลต่อรูป) อ่านเงื่อนไขและกติกาเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/nokaerlines
นายนที ระบุว่า รูปภาพปฏิทินของนกแอร์ นั้นได้ถูกส่งมายังเฟซบุ๊กต่าง ๆ อย่างกว้างขวาง ตนก็เป็นผู้หนึ่งที่ได้รับรูปภาพปฏิทินของนกแอร์เช่นกัน ซึ่งดูแล้วไม่เหมาะสมอย่างยิ่งกับสายการบินของไทย ทุกวันนี้ ต่างชาติก็นำเสนอภาพพจน์ของไทยในคลิปเรื่อง การค้ามนุษย์ และยังมีคลิปที่ชาวต่างชาติทำออกมาเหมือนกับดูถูกประเทศไทยเรายังประท้วงอย่างเต็มที่ แต่นี่สายการบินของไทยกับกระทำการแบบนี้ ขึ้นมาเพียงแค่หวังดึงลูกค้ามาใช้บริการ ถือว่าไม่สมควรอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตามในวันพรุ่งนี้ เวลา 11.00 น.วันที่ 8 กพ 56 ตนจะได้เดินทางไปยังสำนักงานสภาวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนเรื่องปฏิทินของสายการบินนกแอร์ ที่ถูกนำเผยแพร่ทางเฟซบุ๊ก เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐเข้าไปตรวจสอบในขณะนี้ต่อไป เรื่องนี้คงต้องถึงรัฐมนตรีเพราะนี่คือความเสื่อมที่คนไทยต้องระงับยับยั้งไม่ให้ลุกลามไปมากกว่านี้
ขณะเดียวกัน สมาชิกในชุมชนเฟซบุ๊กบางส่วนได้มีการวิพากวิจารณ์เรื่องปฏิทินนกแอร์กันอย่างกว้างขวาง บางเฟซบุ๊กได้ระบุว่า " จริงๆแล้วถ้ามองเป็นธุรกิจ นกแอร์มีสิทธิ์ที่จะทำ แต่ในแง่ของวัฒนธรรมก็ไม่ควรอย่างยิ่ง สายการบินก็คือหน้าตาของประเทศอย่างหนึ่งและก็เป็นภาพลักษณ์ของนกแอร์ด้วย หรือนกแอร์อยากได้ภาพลักษณ์ที่เป็นลักษณะแบบนี้ อันนี้ก็คงต้องอยู่ที่พิจารณาณของเจ้าของธุรกิจแล้ว แต่ภาพลักษณ์ประเทศไทย เสียหายแน่"