ชาวบ้านยื่นฟ้อง แอ๊ด คาราบาว สร้างกำแพงปิดกั้นที่ดินพิพาท
เป็นเรื่อง! ชาวบ้านยื่นฟ้อง แอ๊ด คาราบาว สร้างกำแพงปิดกั้นที่ดินพิพาทที่ใช้เป็นทางเข้าออกสาธารณะกว่า 10 ปี ศาลนัดไต่สวนคุ้มครอง 18 มีนาคมนี้
เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2556 สำนักข่าวอิศรา รายงานว่า นางสมัย โล่ห์ขุนพรหม, นางสาวสุณิสา เมืองจันทร์ และนายซาเล็ม อุสตัส (อดีตผู้อำนวยการสำนักคดีและกฎหมาย สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ- ป.ป.ช.) ในฐานะผู้รับมอบอำนาจ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายยืนยง โอภากุล หรือ แอ๊ด คาราบาว ศิลปินเพลงเพื่อชีวิตชื่อดัง หลังจากที่โจทก์และชาวบ้านใกล้เคียงได้รับความเดือดร้อนจากกรณีที่ แอ๊ด คาราบาว ได้ก่อสร้างกำแพงปิดกั้นที่ดิน ซึ่งใช้เป็นทางเข้าออกสาธารณะกว่า 10 ปี
ทั้งนี้ โจทก์และชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม มีความจำเป็นต้องใช้ทางดังกล่าว เพื่อเข้าออกไปทำศาสนกิจต่าง ๆ และเพื่อเดินเข้าออกไปทำงานพร้อมนำลูกหลานไปโรงเรียนอยู่เป็นประจำ
สำหรับคำบรรยายคำฟ้องสรุปได้ว่า โจทก์ที่ 1, 2 คือนางสมัย โล่ห์ขุนพรหม นางสาวสุณิสา เมืองจันทร์เป็นเจ้าของโฉนดที่ดินเลขที่ 204178 ตำบลหัวหมากใต้ อำเภอบางกะปิ กรุงเทพมหานคร และโจทก์ที่ 3 คือนายซาเล็ม อุสตัส เป็นเจ้าของโฉนดที่ดินเลขที่ 204177 ตำบลหัวหมากใต้ อำเภอบางกะปิ กรุงเทพมหานคร
โดยโจทก์ทั้ง 3 ซื้อที่ดินทั้ง 2 แปลง ซึ่งแยกมาจากที่ดินโฉนดเลขที่ 44463 ตำบลหัวหมากใต้ อำเภอบางกะปิกรุงเทพมหานคร จากนายหร่น มูซอ ราว ๆ ปี พ.ศ. 2535 โดยนายหร่น ได้ทำทางพิพาทขึ้นเพื่อเป็นทางเข้าออกของโจทก์ทั้ง 3 และชาวบ้านตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 และเป็นสาธารณูปโภคตกเป็นภารจำยอมเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินจัดสรร
ต่อมา นายหร่น ถึงแก่กรรม ศาลจึงมีคำสั่งให้ นายอาดำ มูซอ บุตรชาย เป็นผู้จัดการมรดกของนายหร่น และในปี พ.ศ. 2550 นายอาดำ ได้ขายโฉนดที่ดินเลขที่ 44463 ตำบลหัวหมากใต้ อำเภอบางกะปิ กรุงเทพมหานคร ที่พิพาทในคดีให้แก่นายยืนยง โอภากุล
นายยืนยง รับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินในส่วนที่เป็นทางพิพาทโดยทราบอยู่แล้วว่าเป็นทางภารจำยอมหรือทางสาธารณประโยชน์ ที่โจทก์ทั้ง 3 และชาวบ้านที่พักอาศัยในบริเวณที่ดินจัดสรรใช้ประโยชน์เป็นทางเข้าออกเป็นเวลากว่า 10 ปี โดยนายยืนยง ก็ได้ใช้ทางพิพาทดังกล่าวเข้าออกเช่นเดียวกับโจทก์ทั้ง 3 และชาวบ้าน ก่อนที่นายยืนยงจะซื้อที่ดินจนกระทั่งเดือนมกราคม 2556 นายยืนยงได้ก่อสร้างกำแพงปิดกั้นทางดังกล่าว ทำให้โจทก์ทั้ง 3 และชาวบ้านที่พักอาศัยในบริเวณที่ดินจัดสรรไม่สามารถใช้ประโยชน์ในทางพิพาทได้ตามปกติ ซึ่งการกระทำดังกล่าวของนายยืนยง เป็นการใช้สิทธิโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ได้ให้เกียรติและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ที่เป็นเพื่อนบ้านใกล้เคียงกับจำเลย และไม่เคยบอกกล่าวว่าจะปิดทางพิพาทแก่โจทก์ทั้ง 3 และชาวบ้านแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นโจทก์ได้ยื่นคำร้องขอไต่สวนเพื่อขอคุ้มครองชั่วคราวเป็นการฉุกเฉิน เพื่อมีคำสั่งให้นายยืนยงทุบกำแพงปิดกั้นทางดังกล่าวเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนก่อนศาลมีคำพิพากษา โดยศาลได้นัดไต่สวนนายยืนยงในวันที่ 18 มีนาคมนี้