จีนไฟเขียวแผนเพิ่มรายได้ขั้นต่ำ ลดช่องว่างคนจน-คนรวย

ทั้งนี้ ค่าแรงขั้นต่ำจะเพิ่มขึ้นเป็น 40% ของเงินเดือนเฉลี่ยของแรงงานในเมืองภายในปี 2015  นอกจากนั้น บริษัทที่มีรัฐบาลเป็นเจ้าของ ยังจำเป็นต้องแบ่งเงินผลประโยชน์เพิ่มให้แก่รัฐบาลด้วย ซึ่งจะนำไปใช้เพื่อสร้างความมั่นคงให้แก่กองทุนสวัสดิการสังคม

ช่องว่างด้านความมั่งคั่งระหว่างคนรวยและคนจนได้สร้างความกังวลว่าอาจส่งผลกระทบต่อสเถียรภาพด้านการเมืองและสังคม

ดัชนี Gini coefficient ที่วัดระดับความถี่ในการกระจายรายได้ของจีนชี้ว่า ความไม่สอดคล้องกันของรายได้ของประชาชน เพิ่มขึ้นเป็น 0.474 เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งสูงกว่า 0.4 ที่นักวิเคราะห์มักใช้เป็นค่าอ้างอิงเบื้องต้นของการเกิดภาวะความวุ่นวายทาง สังคม

นักเศรษฐศาสตร์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านจีน กล่าวว่า แผนการพัฒนาประเทศที่ผ่นมาแสดงให้เห็นว่าจีนให้น้ำหนักต่อการเติบโตด้านราย ได้มากกว่าการกระจายรายได้ และแม้จะเคยมีการประกาศแผนปฏิรูปมาแล้วในอดีต การการนำไปปฏิบัติใช้จริงกลับไม่สัมฤทธิ์ผลมากนัก โดยข้อเสนอในแผนดังกล่าวยังประกอบด้วย การเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร ปรับปรุงระบบบริการสาธารณสุข การตั้งเพดานเงินเดือนของผู้บริหารบริษัทรัฐวิสาหกิจ และการเพิ่มกฎเกณฑ์ด้านภาษี

แผนกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้ระดับรายได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในเขตเมือง และยังทำให้ชนชั้นกลางมีรายได้เพิ่มขึ้นด้วย อย่างไรก็ดี เกิดความกังวลว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจไม่ได้ส่งผลดีต่อทุกคนเสมอไป โดยประชาชนในชนบทยังคงใช้ชีวิตอยู่ต่ำกว่าระดับเส้นความยากจน

ตามข้อมูลจากหนังสือพิมพ์พีเพิลส์ เดลี่ ประชนกว่า 128 ล้านคนในชนบท ถูกจัดให้อยู่ในระดับ"ยากจน" หรือมีรายได้ประชากรต่อปีต่อหัวต่ำกว่า 2,300 หยวนในปี 2011

รัฐบาลจีนให้สัญญาอย่างหนักแน่นว่าจะลดช่องว่างรายได้ระหว่างคนร่ำรวยกับ คนยากจนโดยใช้มาตรการต่างๆเช่น การควบคุมค่าตอบแทนสำหรับคณะผู้บริหารบริษัทของรัฐ และเพิ่งประกาศแผนล่าสุด ที่มีเป้าหมายในการทำให้ประชาชนกว่า 80 ล้านคนหลุดพ้นจากความยากจน และมีแผนเพิ่มรายได้ที่แท้จริงของประชาชนทั้งในเมืองและชนบทใเพิ่มขึ้นอีก 2 เท่า ให้ได้ภายในปี 2020

แถลงการณ์ดังกล่าวมีขึ้นเมื่อค่ำวานนี้โดยไม่ได้ระบุรายละเอียดมากนักแต่ ให้คำมั่นว่ารัฐจะทุ่มงบประมาณไปกับการศึกษา การฝึกอบรมอาชีพและโครงการทางสังคมต่างๆ   คณะผู้นำจีนให้คำสัญญามาโดยตลอดว่าจะนำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ผู้มีฐานะยาก จนซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศแต่การปฏิบัติเป็นไปอย่างล่าช้าเนื่องจากมี ข้อถกเถียงถึงบริษัทและกลุ่มที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องทางการเมืองอาจได้รับ ผลกระทบ