บ.พีซีซีฯ ยันมีเหตุให้สร้างโรงพักไม่เสร็จ วอนสื่อเลิกเสนอข่าวลบ
บริษัทพีซีซีฯ แจงเหตุสร้างโรงพักไม่เสร็จ โดยยืนยันว่า บริษัทไม่ขาดสภาพคล่องทางการเงิน ไม่กังวลหากถูกฟ้อง เตรียมแถลงรายละเอียดสัปดาห์หน้า ด้านที่ประชุม ชี้ ยกเลิกสัญญาวันสิ้นสุดปลอดภัย 100 เปอร์เซ็นต์
เมื่อวานนี้ (4 กุมภาพันธ์) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร. ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตามการดำเนินการโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ 396 แห่ง ได้เรียกประชุมคณะกรรมการ และผู้แทนจากสำนักงานอัยการเพื่อพิจารณาปัญหาการก่อสร้างสถานีตำรวจไม่เสร็จ โดยมี นายพิบูลย์ อุดมสิทธิกุล ประธานกรรมการผู้จัดการ ผู้แทนบริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด ผู้รับจ้าง และนายนวพล พรัมมะลิ ที่ปรึกษาบริษัทฯ เข้าจี้แจงรายละเอียดปัญหาทั้งหมด เพื่อที่คณะกรรมการจะได้ทำการพิจารณารวบรวมข้อมูลปัญหาที่เกิดขึ้น
พล.ต.อ.วรพงษ์ เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ได้เชิญบริษัทคู่สัญญามาให้ข้อมูล โดยทางคณะกรรมการฯ ได้ขอแผนงานการทำงาน หลังจากมีการทำหนังสือขอไปหลายครั้งแล้ว โดยทางบริษัทคู่สัญญายังไม่มีแผนการทำงานเข้ามาชี้แจง และเมื่อสอบถามด้วยวาจาก็มีการยืนยันว่าการก่อสร้างจะเสร็จสิ้นไม่ทันกำหนด ในวันที่ 14 มีนาคม อย่างแน่นอน ดังนั้น คณะกรรมการมีมติเสนอยกเลิกสัญญา แต่ระเบียบในการเลิกสัญญานั้นเป็นอำนาจของหัวหน้าส่วนราชการ ที่จะต้องมีความเห็นจากประธานส่วนการจ้างประกอบด้วย โดยประธานส่วนการจ้างของเราได้กระจายออกไป 10 คน คือ ผบก.อก. 1 - 9 , ศชต. จะต้องทำรายงานข้อเท็จจริงความคืบหน้าของการก่อสร้างขึ้นมายัง ตร. โดยตนก็ได้เร่งให้มีการทำรายงานขึ้นมาด่วนที่สุด
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการยกเลิกสัญญาทันก่อนครบกำหนดส่งมอบงานในวันที่ 14 มีนาคม หรือไม่ พล.ต.อ.วรพงษ์ กล่าวว่า ขณะนี้กำลังเร่งรวบรวมพยานหลักฐานอยู่ โดยความกังวลใจของเรา คือ หากมีการยกเลิกช้า จะทำให้กระบวนการหาผู้รับเหมาใหม่มาทำงานแทน และการก่อสร้างอาคารใหม่นั้นต้องล่าช้าออกไป ซึ่งช่วงเวลานับจากนี้อีก 38 วันจนถึงวันหมดสัญญา ตนได้มีหนังสือสั่งการ 2 ฉบับ ให้ทุกหน่วยไปเตรียมทางธุรการ เพื่อที่จะดำเนินการหาคู่สัญญาใหม่เลย โดยขั้นตอนทำทางธุรการจะใช้เวลาทั้งหมด 85 วัน ฉะนั้นเมื่อครบระยะเวลา 85 วัน เราสามารถเซ็นสัญญากับผู้รับจ้างใหม่ และเริ่มงานได้ทันที
พล.ต.อ.วรพงษ์ กล่าวเสริมว่า ขณะนี้เรามีเวลาที่จะรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด เพื่อให้มีความมั่นใจว่า เมื่อมีการฟ้องร้องในชั้นศาล เราจะเป็นฝ่ายชนะ เพราะตอนนี้ทางบริษัทคู่สัญญาเขายังไม่พร้อมที่จะเลิกสัญญา ฉะนั้นจึงต้องมีการฟ้องร้องกัน ซึ่งทางเขาก็คงมีการฟ้องร้องกลับเช่นกัน หลังจากนี้จะเสนอเรื่องให้ทาง ผบ.ตร. ในฐานะผู้ตัดสินใจว่า จะยกเลิกสัญญาก่อนหรือยกเลิกวันสิ้นสุดสัญญา ซึ่งหากต้องการให้ปลอดภัย 100 เปอร์เซ็นต์ ต้องรอให้หมดสัญญาก่อนบอกยกเลิก
เมื่อถามว่า การทำสัญญาในตอนแรก ทาง ตร. มีการพิจารณาหรือไม่ว่า บริษัท พีซีซีฯ มีความพร้อมมากน้อยแค่ไหน พล.ต.อ.วรพงษ์ ชี้แจงว่า ในหลักการก่อนที่จะได้บริษัทมา ทาง ตร. ก็ได้พิจารณาถึงเรื่องความประหยัด จึงเสนอให้ทาง ครม. อนุมัติ จนมาได้บริษัทเดียว ส่วนการตรวจสอบในฝ่ายของตำรวจนั้น ทาง ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ตรวจสอบ โดยมอบให้สำนักงานตรวจสอบภายใน เข้าไปตรวจสอบดูว่ามีใครบกพร่อง หรือเป็นการบกพร่องในเชิงบริหารหรือไม่ ถ้าพบว่ามีการพาดพิงนายตำรวจระดับสูง ก็ไม่มีข้อยกเว้น
ด้านนายพิบูลย์ กล่าวว่า บรรยากาศการพูดคุยเป็นไปด้วยดี แต่ตนจะให้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นฝ่ายชี้แจง โดยจะแถลงอย่างเป็นทางการอีกครั้งในสัปดาห์หน้า ตอนนี้ขอชี้แจงเป็นเอกสารตามที่ส่งให้ ตร. ส่วนเรื่องที่มีข่าวระบุว่า การที่สร้างไม่เสร็จ เพราะบริษัทฯ ขาดสภาพคล่อง ทางการเงินนั้น ไม่จริงแต่อย่างใด เพราะรายังมีเงินทุนในการก่อสร้าง แต่ปัญหาที่เกิดนี้ มาจากหลายสาเหตุ ซึ่งตนไม่กังวลหาก ตร.จะยกเลิกสัญญา เพราะการดำเนินการฟ้องร้องก็ต้องทำไปตามกระบวนการ ส่วนการสร้างแฟลตยังดำเนินการไปได้ตามปกติ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อถามถึงกรณีจ้างช่วงต่อ นายพิบูลย์ไม่ได้ตอบคำถาม แต่มีเจ้าหน้าที่ด้านกฎหมายของบริษัท ตอบคำถามแทนว่า ขอให้สื่อไปทำความเข้าใจเรื่องการจ้างช่วงในทางกฎหมาย และระบุว่า บริษัท มีการส่งวิศวกรไปคุมการก่อสร้าง และส่งวัสดุไปใช้ในการก่อสร้าง อย่างนี้เรียกว่าการจ้างช่วงหรือไม่ บริษัทของตนเคยถูก คตส. ตรวจสอบมาแล้ว เป็นการกล่าวหาสมัยรับเหมาก่อสร้างบ้านเอื้ออาทร ขอให้ตีความถามเรื่องการจ้างช่วงก่อน ส่วนสาเหตุที่บริษัทฯ ไม่สามารถสร้างเสร็จทันตามกำหนดนั้น เนื่องจากมีอุปสรรคหลายอย่างที่ติดขัด แต่จะขอแถลงในครั้งเดียว ทั้งนี้ ยืนยันว่า บริษัทเราทำตามสัญญา
และในตอนท้าย เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ดีเอสไอระบุว่า บริษัทอาจเข้าข่ายฉ้อโกง จงใจเอาเงินไปล่วงหน้า นายนวพล กล่าวว่า บริษัทวางวงเงินค้ำประกันเต็มมูลค่า ทางราชการไม่เสียหายแน่นอน ส่วนข่าวที่ว่าบริษัทฉ้อโกงนั้น ข่าวพวกนี้เป็นอุปสรรคการทำงานของทางบริษัท อย่าลืมว่าข่าวทางลบทำให้ความเชื่อมั่นและเครดิตของบริษัทลดลง