สมรักษ์ ยันเอง หั่นเหนือเมฆ 2 ไม่มีใครสั่ง ย้ำเคยมีบทเรียนจาก TGT
เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2556 มีรายงานว่า หลังจากที่สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 สั่งยกเลิกการออกอากาศละครเรื่อง เหนือเมฆ 2 ตอน มือปราบจอมขมังเวทย์ จนเกิดกระแสความไม่พอใจต่าง ๆ นานา ล่าสุด คณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร โดยนาย ศุภชัย ศรีหล้า ส.ส.อุบลราชธานี พรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธาน ได้เชิญนายสมรักษ์ ณรงค์วิชัย รองกรรมการผู้จัดการ และรักษาการกรรมการผู้จัดการฝ่ายผลิตรายการ สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 รวมถึงนายธวัชชัย จิตรภาษ์นันท์ กรรมการกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ (กสท.) เข้าชี้แจงกรณีดังกล่าว ซึ่งนายสมรักษ์ ได้ออกมายืนยันว่า สถานีเป็นคนสั่งให้มีการแบนละครเรื่องเหนือเมฆ 2 เอง ไม่มีใครเข้าแทรกแซงทั้งนั้น
นายสมรักษ์ กล่าวว่า การสั่งงดออกอากาศละครเรื่อง เหนือเมฆ 2 เป็นอำนาจการตัดสินใจของตนเอง ในฐานะผู้จัดการฝ่ายผลิตรายการ ส่วนระเบียบเรื่องการเซ็นเซอร์ก่อน หรือระหว่างการออกอากาศ ขึ้นอยู่กับฝ่ายเซ็นเซอร์ของสถานี ไม่มีใบสั่งใด ๆ ส่วนสาเหตุที่ตัดสินใจเซ็นเซอร์ เนื่องจากมีกระแสตอบรับว่า หากออกอากาศต่อไป จะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสังคม และไม่สามารถตัดบางฉากออกได้ ซึ่งทางสถานี ได้พยายามทำอยู่หลายครั้ง เพราะละครเรื่องนี้ ผู้ชมต่างมองได้หลายมุม ตีความได้มากมาย ยอมรับว่าการตัดสินใจระงับการออกอากาศ เป็นความกังวลล่วงหน้า แต่ถือเป็นอำนาจของสถานี อีกทั้งช่อง 3 เองก็เคยมีบทเรียนมาแล้ว จากที่เคยพิจารณาให้เนื้อหาของรายการ ไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ ออกอากาศได้ แต่สุดท้ายก็มีการถกเถียงกัน ทำให้ฝ่ายเซ็นเซอร์ทำงานหนักขึ้น
ส่วนกรณีที่ทางช่อง 3 ไม่แถลงข่าวชี้แจงนั้น เพราะไม่เคยมีธรรมเนียมปฏิบัติดังกล่าว ตามระเบียบการยกเลิกรายการจะมีเพียงแค่ตัววิ่ง และชี้แจงกับเอเจนซี่ และเมื่อเร็ว ๆ นี้ ทางช่อง 3 ก็สั่งยกเลิกรายการ ตัดหางปล่อยวัด มาแล้ว และทำตามขั้นตอนทุกอย่าง แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไร นอกเหนือจากการที่นายประวิทย์ มาลีนนท์ ที่ให้สัมภาษณ์ว่า เรื่องนี้ไม่มีใครมาบงการ ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องชี้แจง อีกทั้งจะไม่นำตอนที่เหลือไปเผยแพร่ ไม่ว่าจะเป็นทางซีดีหรือเว็บไซต์ยูทูบ เพราะถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์
นอกจากนี้ นายสมรักษ์ ยังกล่าวอีกว่า ปกติละครจะถ่ายทำเสร็จก่อนแล้วค่อยออกอากาศ แต่บางเรื่อง จะถ่ายทำเพียง 70-80% แล้วออกอากาศไปด้วย ซึ่งละครเรื่องเหนือเมฆ ก็เป็นอีกแบบที่เข้าข่าย โดยหลังจากที่ถ่ายทำเสร็จ ฝ่ายเซ็นเซอร์ก็จะบอกว่ามีการแก้ไขละครในส่วนใดหรือไม่ หากไม่เหมาะสม ก็จะถูกระงับการออกอากาศ และแจ้งไปยังผู้จัดละคร และกรณีนี้ ก็แจ้งผู้จัดละครไปแล้ว แต่ในระหว่างนั้น ครอบครัวของฉัตรชัย เปล่งพานิช ไปต่างประเทศ จึงดูเหมือนไม่ได้ประสานงานกัน
ด้าน กสทช. กล่าวว่า หลังจากที่มีกรณีดังกล่าวเกิดขึ้น ก็ได้มีการเรียกเนื้อหาของละครมาตรวจสอบ และจากการตรวจสอบ พบว่า ไม่มีเนื้อหาส่วนใดขัดต่อ มาตรา 37 ของ พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 ส่วนตอนที่ยังไม่ออกอากาศนั้น ทางช่อง 3 ได้ส่งเนื้อหามาให้พิจารณาแล้ว และอยู่ในขั้นตอน แต่หากพบเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมจริง ก็ต้องชื่นชมที่ช่อง 3 ออกมาเซ็นเซอร์ตัวเอง แต่ถ้าทุกตอนเหมาะสม ก็ต้องมีมาตรการจัดการ แต่จะเป็นแบบไหนไม่ทราบ อย่างรายการ ไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ ก็มีเนื้อหาลามกชัดเจน และโยงถึงประเด็นถึงความเหมาะสมในการระงับการออกอากาศ ส่วนกรณีการเรียกร้องของผู้บริโภค ตอนนี้คณะอนุกรรมการกำลังหามาตรการเยียวยาต่อไป
ด้านนายประวิทย์ มาลีนนท์ กรรมการบริหารสถานีวิทยุโทรทัศน์ ไทยทีวีสีช่อง 3 กล่าวว่า ทางช่องมีกระบวนการตรวจสอบตลอดเวลา อย่างรายการ ไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ ก็ตรวจสอบแล้ว แต่คณะกรรมการมองว่าไม่เป็นไร จึงปล่อยให้ออกอากาศ พอมาเรื่องเหนือเมฆ 2 คนก็โยงเข้ากับการเมือง ซึ่งตนเองยืนยันว่า รัฐบาลไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
ส่วนที่นายรุจิระ บุนนาค นักกฎหมายชื่อดัง ได้ยื่นฟ้องช่อง 3 เพื่อให้ศาลมีคำสั่งให้นำละครเรื่องนี้กลับมาฉายอีกครั้ง นายประวิทย์ กล่าวว่า หน้าที่การเซ็นเซอร์เป็นของสถานี หากเกิดความเสียหายสถานีก็ต้องรับผิดชอบ ส่วนที่ถามว่า ความไม่เหมาะสมอยู่ตรงไหน จริง ๆ กฎหมายที่ควบคุมมีเยอะมาก สถานีเองก็มีเหตุผล แต่ไม่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล ส่วนเรื่องตอนจบ จะไม่มีมีการนำมาฉายแน่นอน เพราะหากเสียหายมาแล้วใครจะรับผิดชอบ