เมื่อวันที่ 23 มกราคม ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า นโยบายการปรับขึ้นค่าแรง 300 บาท รวมถึงการปรับขึ้นเงินเดือนระดับปริญญาตรีเป็น 15,000 บาท ส่งผลกระทบต่อการบริหารงานของโรงพยาบาลศิริราชอย่างมาก
โดยเฉพาะบุคลากรที่ศิริราชต้องจ้างด้วยรายได้ตัวเองในส่วนนี้มีถึง 4,000-5,000 คน จากจำนวนบุคลากรของโรงพยาบาลทั้งสิ้น 15,000 คน แต่ละปีศิริราชต้องนำรายได้มาจ่ายเองหลายพันล้านบาท เมื่อนโยบายรัฐบาลประกาศให้ขึ้นค่าแรงทำให้โรงพยาบาลศิริราชต้องหารายได้เพิ่ม เพื่อมาชดเชยค่าใช้จ่ายที่ปรับเพิ่ม คาดว่าจะต้องใช้เงินเพิ่มอีกอย่างน้อย 700-800 ล้านบาท โดยที่รัฐบาลไม่เห็นผลกระทบในส่วนนี้ และเชื่อว่าทุกคณะ ทุกมหาวิทยาลัยคงประสบปัญหาดังกล่าวเช่นกัน เพราะรัฐบาลให้ความช่วยเหลือเฉพาะบุคลากรที่จ้างโดยงบประมาณรัฐ ขณะที่บุคลากรที่คณะ และมหาวิทยาลัยจ้างด้วยเงินรายได้ทุกแห่งก็ต้องช่วยเหลือตนเอง หากจะไปของบประมาณเพิ่มก็คงยาก
ศ.คลินิก นพ.อุดม กล่าวด้วยว่า แนวทางแก้ปัญหาก็คือ การหาช่องทางเพิ่มรายได้ให้มากขึ้นเพื่อนำมาจุนเจือค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น โดยการดำเนินการต้องไม่ให้เกิดผลกระทบต่อส่วนรวม ซึ่งแนวทางที่คิดไว้คือ การปรับเพิ่มค่าบริการ เช่น ค่าเตียงซึ่งเราคิดเพียง 300 บาทมานานแล้ว ค่าห้องพัก ยกเว้นค่ายาที่จะไม่มีการปรับเพิ่ม ต้องเข้าใจด้วยว่าโรงพยาบาลศิริราชไม่ได้ปรับเพิ่มค่าบริการต่างๆ มานานแล้ว อีกทั้ง ยังประสบปัญหาขาดทุนมาตลอด ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศปรับเพิ่มค่าบริการต่างๆ ของโรงพยาบาลในสังกัดแล้ว
ทั้งนี้ โรงพยาบาลศิริราชกำลังศึกษารายละเอียดว่าจะปรับเพิ่มในสัดส่วนเท่าไหร่อย่างไร โดยคาดว่าจะปรับเพิ่มในปีนี้ นอกจากนี้ จะต้องหารายได้ช่องทางอื่น เช่น การปรับบริการรูปแบบใหม่เพื่อดึงดูดคนเข้ามาใช้บริการมากยิ่งขึ้น การหารายได้จากงานวิจัย ขณะเดียวกันจะต้องพยายามลดต้นทุนต่างๆ ที่ไม่จำเป็น แต่ยืนยันว่าโรงพยาบาลศิริราชจะไม่มีการเลย์ออฟ หรือให้คนออกจากงานแน่นอน
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
