ดีเบตครั้งแรก! ผู้สมัครผู้ว่าฯ โชว์กึ๋น ควักนโยบายเด็ด มัดใจคนกรุง

ดีเบตครั้งแรก! เนชั่นจัดเวทีให้ผู้สมัครผู้ว่าฯ โชว์กึ๋น ควักนโยบายเด็ด มัดใจคนกรุง สุขุมพันธุ์ ลั่น ติดกล้อง-เพิ่มพื้นที่สีเขียว ด้าน เสรีพิศุทธ์ ขอโชว์ผลงานใน 1 ปี ขณะที่ สุหฤท ขายไอเดีย 50 เขต 50 เสน่ห์

            เมื่อวานนี้ (21 มกราคม) ผู้สื่อข่าวรายงานจากเวทีดีเบตผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ณ ลานเซ็นทรัลเวิลด์ ที่ทางเครือเนชั่นจัดเวทีให้ผู้สมัครทุกท่านได้ประชันวิสัยทัศน์ในหัวข้อ "วาระ กทม. 2013" โดยมีผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. มาร่วมแสดงวิสัยทัศน์ทั้งหมด 5 ท่าน ได้แก่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์  บริพัตร, นายโฆสิต สุวินิจจิต, พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส, นายโสภณ พรโชคชัย และนายสุหฤท สยามวาลา

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ขอสานต่องาน ติด CCTV เพิ่ม-เร่งแก้ปัญหารถติด

            เริ่มต้นเปิดเวทีโดย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร อดีตผู้ว่าฯ กทม. คนล่าสุด โดยระบุถึงนโยบายของตนเองว่า... สิ่งที่จะทำในอนาคต หากตนได้เป็นผู้ว่าฯ อีกหนึ่งสมัยนั้น คือต้องการสานต่องาน โดยเฉพาะเรื่องเมืองน่าอยู่ 4 ด้าน มุ่งเน้นทั้งในเรื่องการเดินทาง ความปลอดภัย และจะทำให้ กทม. เป็นเมืองเขียวสะอาด น่าอยู่

            อดีตผู้ว่าฯ กทม. กล่าวต่อว่า ถึงแม้ที่ผ่านมา กทม. จะต้องประสบปัญหาทั้งน้ำท่วม และปัญหาการเมือง แต่พี่น้องชาว กทม. ทุกคนก็ร่วมมือร่วมใจกันฟื้นฟูให้กลับเข้าสู่สภาวะปกติโดยไว และ 4 ปีที่ผ่านมา ตนได้เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับ กทม. กว่า 5 พันไร่ และตั้งใจว่าจะเพิ่มอีก 5 พันไร่ สำหรับประเด็นที่ตนถูกโจมตีเรื่องกล้องวงจรปิดที่ใช้ไม่ได้จำนวนมากนั้น ก่อนหน้านี้ ตนก็ได้รับความร่วมมือกับ บชน. ทำให้บ้านเมืองมีหูมีตามากขึ้น ซึ่งตอนนี้ได้มีการติดตั้งไปแล้วกว่า 2.4 หมื่นตัว และกำลังจัดสรรงบประมาณเพื่อติดตั้งเพิ่มอีก 2.7 หมื่นตัว พร้อมจะเชื่อมต่อกับเอกชน ที่มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดทั้งหมด 2 แสนตัว เพื่อให้ประชาชนรู้สึกปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
 
            ส่วนปัญหาเรื่องรถติด อันเนื่องมาจากนโยบายรถคันแรกนั้น ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร กล่าวว่า ในระยะสั้นคือต้องหาที่จอดรถเพิ่มเติม โดยจะเป็นบริเวณใกล้กับรถไฟฟ้า หรือ รฟม. เพื่อเป็นทางเลือกให้ประชาชนใช้บริการขนส่งมากขึ้น ส่วนในระยะกลาง ก็จะทำการขุดอุโมงค์ลอดใต้ทางรถไฟ 4 จุด ซึ่งจะช่วยนระบายปัญหาการจราจรได้ สำหรับระยะยาวนั้น คือต้องทำระบบขนส่งมวลชนระบบรางขนาดเล็ก เพื่อช่วยป้อนผู้โดยสารเข้าสู้ระบบขนส่งรางขนาดใหญ่อย่าง BTS หรือ MRT

            ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ยังกล่าวถึงการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของชาว กทม. ให้ดีขึ้น ด้วยการเพิ่มพื้นที่ขายของตลาดนัดแห่งใหม่ ในสวนสาธารณะ, โครงการช่วยให้ประชาชนกู้ยืมในอัตราดอกเบี้ยต่ำ ซึ่งขณะนี้มีผู้เข้าร่วมโครงการแล้วถึง 2 หมื่นคน ภายใต้โครงการที่มีชื่อว่า "ยืมสู้ กู้ฝัน"

            นอกจากนี้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ยังกล่าวถึงปัญหาแฟลตดินแดงว่า ไม่สามารถทุบได้ เพราะเป็นส่วนของการเคหะ ส่วนคลองสาธารณะต่าง ๆ ที่มีปัญหาถูกรุกล้ำ ก็จะต้องช่วยกันเจรจา สำหรับพื้นที่ขายของตามฟุตบาธ ต้องร่วมมือกับประชาชนเพื่อจัดระเบียบร่วมกัน และให้ทุกคนเคารพจุดผ่อนผัน รักษาระเบียบให้ได้ ต่อกันด้วยการขนส่งมวลชนอย่าง BTS ส่วนขยายต่อนั้น เรามีอำนาจทางกฎหมายที่จะสร้างต่อไป แต่ในทางคดีนั้นก็ต้องรอให้ DSI ตรวจสอบ ซึ่งก็เหมือนเรื่องคดีรถดับเพลิง ที่ประชาชนเข้าใจผิด เพราะเป็นการตรวจสอบแบบรวบรัดเกินไป
 
            ท้ายนี้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวถึงกรณีที่ต้องร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยว่า จริง ๆ แล้วตนร่วมมือกันรัฐบาลมาโดยตลอด อาจจะมีปีนเกลียวบ้าง ก็เป็นเรื่องปกติ ซึ่งมีหลายเรื่องที่ทำร่วมกันแล้วราบรื่น แต่ก็กลับไม่เป็นข่าว
 

เสรีพิศุทธ์ มั่นใจภายใน 1 ปี แก้ปัญหายาเสพติด-ขจัดผู้มีอิทธิพล

            ส่วนทางด้าน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส กล่าวว่า นโยบายของตนมีทั้งหมด 11 ข้อ ที่จะทำให้กรุงเทพฯ น่าอยู่ยิ่งขึ้น อาทิ ทำเมืองสีเขียว, ทำสวนสาธารณะเพิ่ม ประชาชนจะได้ไม่ต้องเดินทางไกลเพื่อมาออกกำลังกาย, ความปลอดภัยทั้งชีวิต และทรัพย์สิน, กทม. ต้องไม่มียาเสพติด, ขจัดผู้มีอิทธิพล, ตั้งโรงทานทุกวัด เนื่องจากหากคนอิ่มท้อง ปัญหาอาชญากรรมก็จะลดน้อยลง, ติดแอร์รถเมล์ฟรี, รณรงค์จอดรถที่บ้าน เป็นต้น

            พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยืนยันว่า ภายใน 1 ปี จะต้องเห็นการเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่ว่าจะต้องรอให้ถึง 4 ปี พร้อมกับเผยว่า ตนเป็นคนที่เกิด โต เรียน และทำงานที่ กทม. ลงพื้นที่ที่ไหน ก็มีแต่คนรู้จักเพราะตนดังมาตั้งแต่เด็ก ประกอบกับผลงานของตนช่วงที่เป็นตำรวจมา 38 ปี ตนมั่นใจว่ามีพี่น้อง กทม. ที่รู้จักตนถึง 3 ล้านคน จึงกล้ายืนยันว่าจะสามารถประสานงานได้ทุกพื้นที่ ไม่มีปัญหา

โฆสิต ลั่น กทม. จะเดินหน้าได้ด้วยนักบริหาร ไม่ใช่นักการเมือง

            ขณะที่ นายโฆสิต สุวินิจจิต กล่าวว่า ตนจะไม่ทำนโยบายขายฝัน เพราะ กทม. เป็นเมืองน่าอยู่อยู่แล้ว แต่มีการบริหารเมืองไม่สอดคล้องกับความเจริญ และความต้องการของประชาชน ซึ่งตนคิดว่าควรจะเอานักบริหารมาทำงาน ไม่ใช่นักการเมือง ส่วนตนนั้นมาจะเป็นมือประสานสิบทิศ พร้อมประสานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และนักการเมือง

            นอกจากนี้ นายโฆสิต ยังระบุนโยบาย กทม. 24 ชั่วโมงว่า บริการสาธารณะต้องมีตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากคน กทม. สัญจรทุกเวลา พร้อมกันนี้ นายโฆสิต ยังระบุถึงการแก้ปัญหาการศึกษา โดยจะทำให้คนเข้าถึงการศึกษาอย่างเท่าเทียม ด้วยการใช้วิธีบันทึกการถ่ายทอดสดออกมาให้นักเรียนได้เรียน

โสภณ ทำการ์เด้นซิตี้ - นำรถไฟฟ้าไร้เบลมาใช้ เข้าได้ทุกที่ ทุกซอย

            ด้าน นายโสภณ พรโชคชัย ได้เน้นเรื่องความปลอดภัย และเรื่องพื้นที่สีเขียว ส่วนในแง่การพัฒนาเมืองนั้น ควรใช้พื้นที่ในเมืองมากกว่าไปจัดรอบนอก พร้อมทำการ์เด้นซิตี้ ซึ่งทุกอย่างทำได้หากมีการวางผังเมืองที่ดี นอกจากนี้ จะลงพื้นที่จัดระเบียบทางเท้า อีกทั้งนำรถไฟฟ้าไร้เบล คือเป็นรถไฟฟ้าขนาดเล็กที่ไปได้ทุกที่ ทุกซอย มาปรับใช้ใน กทม. ด้วย

สุหฤท ปรับกรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองน่าอยู่ ทำ 50 เขต 50 เสน่ห์

            ส่วนทางด้าน นายสุหฤท สยามวาลา กล่าวว่า จะแยกให้ กทม. เป็นเมืองน่าอยู่ และเมืองน่าเที่ยว เนื่องจากสองส่วนนี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ถึงแม้ว่ากรุงเทพฯ จะเป็นเมืองน่าเที่ยว แต่ติดอันดับเกือบสุดท้ายเมืองน่าอยู่ สำหรับการแก้ปัญหานั้น ควรมีการจัดให้ประชาชนใช้พื้นที่สาธารณะอย่างปลอดภัย มีทางจักรยานให้ประชาชน ไม่ใช่ทางเล็ก ๆ แบบลูกเมียน้อยในปัจจุบัน เน้นการสร้างความปลอดภัยของถนน จัดระเบียบหาบเร่แผงลอย สร้างความปลอดภัยให้กับผู้หญิงด้วยแสงสว่างนอกจากนี้ ควรจะให้โจทย์กับนักโฆษณาทุกคน ให้ผลิตโฆษณาเป็นโฆษณาสีเขียว และทำ 50 เขต 50 เสน่ห์ เช่น ลาดกระบัง เป็นเมืองแห่งวิทยาศาสตร์ บางรักเป็นดินแดนแห่งความรัก