กสท. ทยอยแจกคูปองทีวีดิจิตอล 22 ล้านครัวเรือน ก.ย.นี้

กสท. เตรียมทยอยแจกคูปองทีวีดิจิตอล 22 ล้านครัวเรือนในเดือนกันยายนนี้ โดยจะแจกให้กับครัวเรือนในจุดที่โครงข่ายเข้าถึงก่อน แล้วเสร็จภายใน 5 ปี - ผู้ประกอบการหวั่นตลาดชะงัก

            เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2556 พ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (กสทช.) ในฐานะประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ (กสท.) เปิดเผยถึงกรณีการแจกคูปองเงินสนับสนุนอุปกรณ์เปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีทางทีวีในระบบอะนาล็อกไปสู่ระบบดิจิตอลให้คนไทย 22 ล้านครัวเรือนว่า เบื้องต้นคาดว่าจะแจกคูปองช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคมนี้ หลังผู้ชนะการประมูลช่องทีวีดิจิตอลในกลุ่มช่องบริการธุรกิจทั้ง 24 ช่อง นำเงินงวดแรกชำระให้ กสทช. แล้ว

            ทั้งนี้ จะอ้างอิงการแจกคูปองเป็นพื้นที่ อาจได้ไม่พร้อมกันทั้ง 22 ล้านครัวเรือน แต่จะแจกตามกำหนดของ กสทช. ที่ระบุว่า 1 ปี ผู้ให้บริการด้านโครงข่ายทีวีดิจิตอลจะต้องขยายโครงข่ายภายในระยะเวลาที่กำหนดให้เข้าถึงประชากรให้ได้ 50% ตามอัตราการเข้าถึงโครงข่ายทีวีดิจิตอล และ 2 ปี 80% และ 3 ปี ในอัตรา 90% และปีที่ 5 ครบ 100% โดยจะแจกคูปองให้กับครัวเรือนในจุดที่โครงข่ายเข้าถึงก่อน

            พ.อ.นที ระบุด้วยว่า กสทช. จะนำเงินที่ได้จากการประมูลมาทำเป็นคูปองแจก โดยเงินที่ได้จากการประมูล อาทิ ปีแรกผู้ชนะการประมูลต้องชำระ 50% และอีก 30% ในปีที่ 2 และ 10% ในปีที่ 3 และ 4 ส่วนวิธีป้องกันการสวมสิทธิ หรือปัญหาที่อาจจะเกิดซ้ำรอยกับการแจกคูปอง 2,000 บาทของกระทรวงพลังงานนั้น เบื้องต้นเชื่อว่าจะไม่เกิดเหตุซ้ำรอย โดยจะอ้างอิงชื่อตามสำมะโนครัว ซึ่งผู้ซื้ออุปกรณ์จะต้องมีชื่อตรงกับใบคูปอง และกำหนดให้ซื้อได้เฉพาะกล่องรับสัญญาณและทีวีที่รับสัญญาณในระบบดิจิตอลเท่านั้น อย่างไรก็ตาม วิธีการนี้ยังเป็นเพียงแนวคิด รวมถึงวิธีการส่งมอบคูปองก็ยังไม่มีการตกลงที่ชัดเจน

            สำหรับกรณีที่เกรงกันว่าช่วงที่ยังไม่แจกคูปองจะทำให้การซื้อขายทีวีในตลาดช่วงนี้ชะงักเพื่อรอคูปองจาก กสทช. นั้น พ.อ.นที กล่าวว่า ต้องทำประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจว่า ทีวีในขณะนี้ยังสามารถซื้อมารับชมได้ เพียงแต่เมื่อเป็นระบบอะนาล็อกจะสามารถหาซื้อกล่องรับสัญญาณมาต่อเชื่อม ไม่จำเป็นต้องมีทีวีที่จูนรับสัญญาณได้เท่านั้น ส่วนผู้ประกอบการที่หวั่นเกรงว่ากำลังซื้อจะชะลอตัวนั้น อยากให้เข้าใจว่าการจะซื้อหรือไม่ซื้ออยู่ที่การตัดสินใจของลูกค้า หากกลัวยอดขายตกและอยากกระตุ้นยอดขาย ก็ควรตั้งราคาใหม่ให้จูงใจคนซื้อ