ป๋าลอเปิดใจรอวันพ้นคุก-เหตุสุขภาพทรุดอยากใช้ชีวิตบั้นปลายกับครอบครัว
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวอื่นๆ ป๋าลอเปิดใจรอวันพ้นคุก-เหตุสุขภาพทรุดอยากใช้ชีวิตบั้นปลายกับครอบครัว
เมื่อวันที่ 14 ม.ค. ที่เรือนจำกลางบางขวาง พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย อธิบดีกรมราชทัณฑ์
และนายวสันต์ สิงคเสลิต ผบ.เรือนจำกลางบางขวาง เปิดโครงการ เรือนจำสีขาว และโครงการ พบครอบครัวใกล้ชิด เพื่อให้นักโทษชั้นดีที่เป็นสมาชิกโครงการได้พบครอบครัวแบบใกล้ชิด
พ.ต.อ.สุชาติกล่าวว่า วัตถุประสงค์โครงการเรือนจำสีขาวต้องการขจัดปัญหาการลักลอบนำสิ่งของต้องห้ามเข้าไปในเรือนจำ โดยเฉพาะยาเสพติดและโทรศัพท์มือถือ ที่ผ่านมาให้นโยบายการทำเรือนจำสีขาวกับเรือนจำและทัณฑสถานทั่วประเทศทั้ง 143 แห่ง ซึ่งมีเรือนจำประกาศเข้าร่วมโครงการแล้ว 66 แห่ง
ยอมรับว่าการทำเรือนจำขนาดใหญ่ให้เป็นสีขาวถือเป็นเรื่องยาก ทั้งเรื่องจำนวนผู้ต้องขังและโทษที่รุนแรง จึงเห็นควรปรับนโยบายเพิ่มเติมด้วยการดึงเจ้าหน้าที่เข้ามามีส่วนรับผิดชอบกับความสำเร็จหรือความล้มเหลวในการทำงานโดยผบ.เรือนจำกลางบางขวางเสนอให้นำผู้ต้องขังและญาติมาร่วมเป็นเครือข่ายด้วยการปฏิบัติตัว พร้อมแนะนำเพื่อนให้ร่วมเป็นสมาชิกโครงการ โดยผู้ต้องขังที่เข้าร่วมเป็นสมาชิกโครงการจะได้รับสิทธิพิเศษในการพิจารณาพักโทษ การขอพระราชทานอภัยโทษ และได้สิทธิเยี่ยมญาติใกล้ชิด พ.ต.อ.สุชาติกล่าว
ด้านนายวสันต์ กล่าวว่า เรือนจำบางขวางเป็นเรือนจำที่มีจุดอ่อนเรื่องโครงสร้าง เพราะเป็นเรือนจำเก่าแก่ ขณะที่นักโทษที่ถูกคุมขังเป็นนักโทษรายสำคัญและต้องโทษสูง การจัดทำเป็นเรือนจำสีขาวถือเป็นเรื่องยาก ดังนั้นเรือนจำบางขวางจึงเสนอให้นำเจ้าหน้าที่และญาติผู้ต้องขังเข้าเป็นสมาชิกโครงการ โดยคุกบางขวางนำร่องโครงการสีขาวจากเรือนนอนผู้ต้องขังเป็นแห่งแรก จากนั้นขยายไปในแต่ละแดน ล่าสุดมีผู้ต้องขังแต่ละแดนประกาศตัวเป็นนักโทษสีขาว ประมาณ 600 คน จากผู้ต้องขังทั้งหมด 3,800 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 20 ยกเว้นนักโทษแดน 10 ซึ่งเป็นแดนควบคุมพิเศษ
ด้านนายวสันต์ กล่าวอีกว่า สำหรับนักโทษรายสำคัญและกระทำผิดในเรือนจำซ้ำซาก มาตรการหลังจากนี้จะสุ่มตรวจปัสสาวะ ซึ่งจัดซื้อชุดตรวจสารเสพติดมาแล้ว 16,000 ชุด และต้องเพิ่มความเข้มข้นในการหาข่าว รวมถึงการริเริ่มโปรแกรมปรับพฤติกรรม โดยนำหลักศาสนาและจิตอาสาเข้ามาช่วย นอกจากนี้ เรือนจำจะจัดแยกนักโทษที่เข้าร่วมโครงการเป็นนักโทษสีขาวออกจากนักโทษอื่นๆ และจับตากลุ่มที่ไม่เข้าร่วมเป็นสมาชิก เพื่อเข้มงวดตรวจสอบให้มากขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบรรยากาศภายหลังการประกาศเป็นเรือนจำสีขาว ซึ่งมีผู้ต้องขังและญาติผู้ต้องขังที่สมัครใจเป็นสมาชิกเข้าร่วมด้วย โดยผู้ต้องขังและญาติได้รับสิทธิพิเศษด้วยการเข้าเยี่ยมแบบใกล้ชิด ซึ่งมีผู้ต้องขังเป็นสมาชิกกลุ่มแรกที่มีสิทธิรวม 38 ราย เจ้าหน้าที่ได้จัดโต๊ะเก้าอี้แยกเป็นชุด เพื่อให้ญาติและผู้ต้องขังได้พูดคุยและรับประทานอาหารร่วมกัน โดยจำนวนนี้มี นช.ชลอ เกิดเทศ หรือป๋าลอ นักโทษคดีอุ้มฆ่าสองแม่ลูกตระกูลศรีธนะขัณฑ์ ที่ต่อเนื่องจากคดีขโมยเพชรซาอุฯ รวมอยู่ด้วย โดยญาตินำพิซซ่า ไก่ย่าง และข้าวเหนียวมาร่วมรับประทานอย่างใกล้ชิด
นอกจากนี้ นพ.วิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ นักโทษคดีฆ่าพญ.ผัสพร ซึ่งเป็นภรรยา รับหน้าที่เป็นผู้ควบคุมวงดนตรี ในส่วนของผู้ต้องขังรายอื่นเมื่อมีโอกาสพบญาติต่างตรงเข้าสวมกอดและดีใจจนร้องไห้ บางรายติดคุกตั้งแต่ลูกอายุ 3 ขวบ ไม่มีโอกาสสัมผัสหรือแตะต้องร่างกายลูก ครั้งนี้จึงเป็นโอกาสแรกในรอบกว่า 10 ปี ที่จะได้พบหน้าและได้สวมกอดลูกเป็นครั้งแรก
ด้าน นช.ชลอ กล่าวว่า ปัจจุบันมีอายุ 75 ปี ถูกคุมขังมานาน 18 ปี คาดว่าจะมีสิทธิได้รับการปล่อยตัวจากการพักการลงโทษ เนื่องจากจัดเป็นนักโทษชราที่มีอายุเกิน 70 ปี ซึ่งจัดอยู่ในข่ายสามารถพักการลงโทษจำคุกได้ พร้อมทั้งยังมีปัญหาสุขภาพ โดยป่วยเป็นโรคหมอนรองกระดูกต้นคอเคลื่อน ต้องนั่งรถเข็นมานาน 2 เดือนเต็ม เดินนานๆ ก็ปวดหัวเข่า ข้อมือบวม ตอนนี้รอแต่วันพ้นโทษ หวังจะมีชีวิตอิสระอีกครั้ง เพราะอยากออกไปใช้ชีวิตบั้นปลายข้างนอก ส่วนการเข้าร่วมโครงการครั้งนี้ตนและครอบครัวสมัครใจเอง เพราะเห็นด้วยกับการทำให้เรือนจำเป็นสีขาว
ต่อมา พ.ต.อ.สุชาติ กล่าวถึงการยื่นเรื่องพักการลงโทษของนช.ชลอว่า สำหรับการยื่นเรื่องขอพักการลงโทษในปีนี้ ไม่มีชื่อของนช.ชลอ เนื่องจากคดีความที่ติดตัวเป็นคดีอุกฉกรรจ์ จนศาลสั่งประหารชีวิตและลดโทษมาเป็นจำคุกตลอดชีวิต ซึ่งไม่เข้าหลักเกณฑ์การยื่นขอพักการลงโทษ