สุขุมพันธุ์ น้ำตาคลอเบ้าอีก ลั่นพร้อมตายเพื่อคนกรุงเทพฯ-เข้ารับทราบข้อหาที่ดีเอสไอ

"สุขุมพันธุ์" น้ำตาคลอเบ้าอีก ลั่นพร้อมตายเพื่อคนกรุงเทพฯ-เข้ารับทราบข้อหาที่ดีเอสไอ

วันที่ 9 ม.ค. ที่ศาลาว่าการกทม. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. ให้สัมภาษณ์ก่อนไปรับข้อกล่าวหาที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ว่า ตนเสียใจที่วันนี้ไม่ได้ทำงาน เพราะว่าเป็นวันสุดท้าย และจะต้องไปดีเอสไอ แต่ไม่เป็นไร ช่วงเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ได้ทำงานอยู่ทุกวัน ดีใจที่มีโอกาสได้เข้ามาทำงานรับใช้ประชาชน และพร้อมจะกลับมารับใช้ประชาชนอีกครั้ง ถ้ามอบความไว้วางใจเลือกตนในวันเลือกตั้งวันที่ 3 มี.ค.นี้

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่จะเข้าไปที่ดีเอสไอ ในช่วงเช้า ว่า  ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า เมื่อหน่วยงานของรัฐเข้ามาตรวจสอบ ตนก็เข้าไปรับฟังแล้ว ไม่มีอะไรไม่ตรงตามหน้าที่ แต่จะคัดค้าน เพียงแต่ตอนนี้รับทราบเท่านั้น ไม่ได้รับผิด และทีมกฏหมายพร้อมทุกอย่างแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีผลต่อการเลือกตั้งกทม. หรือไม่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า ตนรักกรุงเทพฯ และพร้อมจะทำงานให้กทม. พร้อมเสียสละในทุกทางให้กทม. เมื่อวานนี้ได้ไปกราบหลวงพ่อที่วัดธรรมมงคล สุขุมวิท ท่านบอกว่า ต้องหนักแน่น เหมือนแผ่นดิน ต้องอดทน เพราะมีทั้งดีและไม่ดีมาลงที่แผ่นดิน จะเป็นอุจจาระ ปัสสาวะ ก็ต้องหนักแน่น ตนพร้อมตายเพื่อคนกรุงเทพฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ให้สัมภาษณ์ พบว่ามีอาการน้ำตาคลอเบ้าเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ จะกลับมาลงนามลาออกจากการเป็นผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ ที่ศาลากทม.ในข่วงบ่ายวันนี้

ต่อมา ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้มีกลุ่มสนับสนุนผู้ว่ากรุงเทพมหานคร ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ ประมาณ 200 คน สวมเสื้อสีดำ พร้อมป้ายข้อความให้กำลังใจผู้ว่าฯ และดอกกุหลาบสีชมพู เดินทางมาให้กำลังใจคณะผู้ว่าฯกทม. ที่จะเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาในคดีต่อสัญญาส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าบีทีเอส

ขณะเดียวกัน นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ได้ลงมารอรับบริเวณด้านล่าง เมื่อคณะผู้ว่าฯกทม.เดินทางมาถึง นายธาริตฯ ก็ได้เดินเข้าไปรับถึงรถ พร้อมยกมือไหว้และเชิญขึ้นไปชั้น 2 ห้องสอบสวนทันที ขณะเดียวกันผู้ว่าฯ ก็ได้ยกมือไหว้ตอบรับแต่ไม่มองหน้านายธาริตฯ และมีสีหน้าเคร่งเครียด ก่อนจะเดินนำอธิบดีดีเอสไอขึ้นไปยังห้องสอบสวน โดยไม่มีการสนทนากัน  และเริ่มสอบปากคำตั้งแต่เวลา 10.00 น.ถึง 12.00 น.มี พ.ต.ท.ถวัล มั่งคั่ง ผู้เชี่ยวชาญคดีพิเศษ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีการต่อขยายสัมปทานบีทีเอส เป็นผู้สอบปากคำและแจ้งข้อกล่าวหา

หลังสอบปากคำเสร็จสิ้น  พ.ต.ท.ถวัล มั่งคั่ง ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และนายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายนัดของพนักงานสอบสวน ทั้งนี้ในนามของพนักงานสอบสวนขอขอบคุณท่านทั้งสองที่ได้ให้ความร่วมมือกับพนักงานสอบสวนเป็นอย่างดี และวันนี้พนักงานสอบสวนก็ได้แจ้งข้อกล่าวหาและท่านก็ปฎิเสธทุกข้อกล่าวหา

โดยทาง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ยังได้นำเอกสารหลักฐานต่างๆมายื่นประกอบคำให้การด้วย และพนักงานสอบสวนยังมีประเด็นอื่นๆอีก บางประเด็นท่านก็ไม่พร้อม ท่านจะมายื่นเพิ่มเติมในภายหลัง โดยจะมอบหมายให้ทนายความหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายโดยตรงจากท่านมายื่นให้พนักงานสอบสวนอีกครั้งหนึ่งภายใน 15 วัน และหลังสอบปากคำแล้วก็จะพิมพ์ลายนิ้วมือในฐานะผู้ถูกกล่าวหากับทั้ง 2 ท่าน ซึ่งเป็นการดำเนินการตามขั้นตอนของการสอบสวน

 ผู้สื่อข่าวถามว่า พนักงานสอบสวนได้ซักถามผู้ว่าฯในประเด็นใดบ้าง พ.ต.ท.ถวัล กล่าวว่า ประเด็นเกี่ยวกับการมอบหมาย ให้รองผู้ว่ากทม.เป็นผู้ดำเนินการลงนามสัญญาแทน จากนั้นพนักงานสอบสวนก็ได้ถามถึงหนังสือลงนามดังกล่าวว่ามีหรือไม่

โดยท่านผู้ว่าฯก็บอกว่าจะขอตรวจสอบก่อนซึ่งจุดนี้ก็เป็นประเด็นหลักที่เราต้องการทราบในวันนี้ รวมทั้งประเด็นช่วงระหว่างที่รองผู้ว่าฯดำเนินโครงการนี้อยู่ ในฐานะที่ท่านเป็นผู้บริหาร กทม.ท่านได้รับรายงานผลให้ทราบหรือไม่ จุดนี้ก็เป็นประเด็นว่าท่านได้ร่วมรู้เห็น หรือรับผิดชอบ หรือปล่อยปะละเลย หรือยินยอม หรือรู้เห็นเป็นใจการดำเนินการให้มีการต่อสัญญาทั้ง 2 ฉบับนี้หรือไม่ นี้เป็นประเด็นหลักๆ ที่เกี่ยวข้องในองค์ประกอบความผิดตามที่ได้แจ้งข้อกล่าวหากับท่านวันนี้ ในข้อหาร่วมกันประกอบกิจการอันเป็นสาธารณูประโภค หรือกิจการรถรางโดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ตามประกาศคณะปฎิวัติที่ 58 และข้อหาดังกล่าวผู้ถูกกล่าวหาทุกคนจะรับเหมือนกัน  แต่พฤติการณ์ของการกระทำผิด บางคนร่วมลงนามในสัญญา บางคนร่วมเสนอโครงการ บางคนก็เห็นชอบโครงการก็จะแตกต่างออกไป และวันนี้หลังจากสอบปากคำแล้วก็ได้พิมพ์ลายนิ้วมือ ปล่อยตัวทันที โดยไม่มีเงื่อนไข

 เมื่อถามว่า ผู้เกี่ยวข้องรายอื่นๆที่ขอเลื่อนนัดทางดีเอสไอได้กำหนดให้มาพบวันใด พ.ต.ท.ถวัล กล่าวว่า พนักงานสอบสวนได้กำหนดไว้ให้มาพบ 2 วัน คือ วันที่ 15 และ16 ม.ค.56 มีจำนวน 5 นาย ประกอบด้วย นายเจริญรัตน์ ชูติกาญจน์ ขณะนั่นดำรงตำแหน่งปลัดกรุงเทพมหานคร ที่ได้เห็นชอบอนุมัติและลงนามเสนอโครงการบริหารจัดการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 6 มกราคม 55 ,นางนินนาท  ชลิตานนท์ ขณะดำรงตำแหน่งรองปลัด กทม.ปฎิบัติราชการแทนผู้ว่ากทมฯผู้ลงนามในสัญญาจ้างโครงการบริหารจัดการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ กับบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ,นายธนา วิชัยสาร

ขณะดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักจราจรและขนส่งกรุงเทพฯ ในฐานะผู้ขออนุมัติในหลักการโครงการบริหารจัดการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ
เมื่อวันที่ 5 มกราคม 55 , นายประพันธ์พงศ์ เวชชาชีวะ ประธานกรรมการ บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ผู้มีอำนาจลงนามแทนบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด  และ นายอมร กิจเชวงกุล กรรมการผู้อำนวยการ บรัษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ผู้มีอำนาจลงนามแทน บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด 

 ขณะที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวภายหลังว่า ผมรักกรุงเทพนะครับ ผมอยากให้กรุงเทพมหานครได้สิ่งดีๆในชีวิต ระบบบีทีเอสคือระบบขนส่งมวลชนที่ดีที่สุดของกรุงเทพมหานคร ผมอยากให้พัฒนาเป็นระบบขนส่งระดับโลกมาตรฐานสากล

ด้วยเหตุนี้จึงได้ดำเนินการในเรื่องของการว่าจ้างบีทีเอสระยะยาว เพื่อปูฐานไปสู่การเป็นระบบขนส่งมวลชนระดับโลก และทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมทำไปทำไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ผมจึงปฎิเสธข้อกล่าวหาทุกประการ ไม่เพียงปฎิเสธเท่านั้นผลยังไม่เข้าในข้อกล่าวหาบางข้อ และหลายคนก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน

“ต่อจากนี้ไปผมอยากให้เป็นเรื่องของการดำเนินการด้วยความเป็นธรรมโดยที่ไม่มีการเมืองเข้ามาแทรกแซง สิ่งใดที่ผมจะต้องทำ เช่นการพึ่งศาลยุติธรรม ก็ต้องทำไป แต่ว่าวันนี้เป็นต้นไปผมจะทำอย่างเดียวครับจะเดินหน้าต่อไปรณรงค์เสียง เพื่อกลับมาเป็นผู้ว่ากรุงเทพมหานคร ผมอยากทำงานครับ ผมพร้อมที่จะทำงานครับ ผมอยากทำสิ่งดีๆให้กับพี่น้องกรุงเทพมหานคร ผมรักกรุงเทพครับ” ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าว เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการฟ้องกลับนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอหรือไม่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า ฟ้องแน่หลังจากหารือกับทนายแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างเดินทางกลับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ก็ได้เดินเท้าออกไปพบกับมวลชนที่รอให้กำลังใจบริเวณด้านหน้าอาคารดีเอสไอ โดยระหว่างรับดอกไม้สังเกต ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ มีน้ำตาคลอตลอดเวลา ก่อนจะขึ้นรถกลับทันที