ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 4 มกราคม ภายหลังจากเกิดกระแสข่าวฝ่ายการเมืองสั่งแบนละครหลังข่าว “เหนือเมฆ 2”
ซึ่งออกอากาศทางไทยทีวีสีช่อง 3 โดยช่อง 3 ได้อ้างเหตุผลว่า “เนื่องจากละครมีความไม่เหมาะสม ทำลายภาพลักษณ์สถาบันการเมือง และบรรยากาศความปรองดอง” ดังนั้นจึงจะหยุดแพร่ภาพละครเหนือเมฆตั้งแต่วันที่ 4 มกราคมเป็นต้นไป
โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีดังกล่าวได้สร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์ติดตามมาอย่างมากมายถึงความไม่เหมาะสมต่อการดำเนินการเรื่องดังกล่าว
ขณะเดียวกันก็มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจเกิดขึ้นใน “เฟซบุ๊ค” โซเชียลเน็ตเวิร์คชื่อดัง เมื่อเพจ “สายตรงภาคสนาม” (http://www.facebook.com/SaiTrongPhakSanam) ได้นำเสนอรายงานเรื่อง “พี่กับน้องพอๆกัน ความบันเทิงประชาชนก็แทรกแซง” โดยมีการตั้งข้อสังเกตถึงความพยายามแทรกแซงและแบนภาพยนต์และละครเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยรายงานดังกล่าวระบุว่า
รัฐบาลผู้พี่ : แทรกแซงภาพยนตร์ ‘ยอดชายนายโอ๊กอ๊าก’ ผลงานกำกับของ สมใจ สุขใจ (เด๋อ ดอกสะเดา) จนทำให้ต้องเปลี่ยนเนื้อเรื่องและชื่อหนังเป็น ‘โว๊กว๊าก’ ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้มีรายได้และกระแสความนิยมตกต่ำสมใจผู้มีอำนาจ เพราะเนื่องจากว่า มีการนำเอาตลกออทิสติกอัจฉริยะ "สายัณห์ ดอกสะเดา" มารับบทล้อเลียน "นายพานทองแท้ ชินวัตร" บุตรชายนายกรัฐมนตรีรวมทั้งนำเอาบรรดาคนหน้าเหมือนทั้งหลายจากรายการ "สภาโจ๊ก" มาร่วมแสดงจนถึงขนาดที่ทางตำรวจสันติบาลได้ขอเข้ามาตรวจสอบภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวเกรงว่าหนังเรื่องนี้จะทำให้ครอบครัวของผู้นำประเทศเสียหาย ซึ่งภายมีการเปลี่ยนแปลงบทไม่ให้ “โอ๊กอ๊าก” เป็นบทของเจ้าสัว “รักสิน” และเนื้อหาเดิมถูกเปลี่ยนแปลงไปมาก โดยคำนิยามหนังเรื่องนี้ของตำรวจสันติบาลในขณะนั้น คือ ภาพยนตร์ชุดนี้ “อาจเป็นภัยต่อความมั่นคงต่อรัฐ” และ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้กล่าววาทกรรมเอาไว้ว่า “ต้องระวัง ถ้าทำให้ผู้นำประเทศเป็นตัวตลก ประเทศก็เป็นตัวตลกไปด้วย”