
พิพากษาคดีนปช.พิพัฒน์ชัย-ศาลชี้จำเลยชุมนุมไม่สงบสันติ-สั่งจำคุก 1 ปี-สู้คดีชั้นอุทธรณ์
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวอื่นๆ พิพากษาคดีนปช.พิพัฒน์ชัย-ศาลชี้จำเลยชุมนุมไม่สงบสันติ-สั่งจำคุก 1 ปี-สู้คดีชั้นอุทธรณ์

เมื่อ 27 ธ.ค. ผู้สื่อข่าว รายงานว่า ที่ห้องพิจารณา 803 ศาลอาญา ศาลอ่านคำพิพากษาคดีที่อัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4
เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสมชาย หรือพิพัฒน์ชัย ไพบูลย์ อายุ 43 ปี อดีตส.ข.บางบอน พรรคไทยรักไทย และหนึ่งในแกนนำนปช. เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองโดยมีอาวุธ ซึ่งเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกแล้วไม่เลิก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116, 215, 216 และร่วมกันชุมนุมฝ่าฝืน พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน มาตรา 5, 9, 11, และ 18
ตามฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 11 ส.ค.2553 บรรยายพฤติการณ์ความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 8-10 เม.ย.2553 ภายหลังที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง จำเลยกับพวกตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปร่วมกันชุมนุมและมั่วสุมที่เวทีผ่านฟ้าลีลาศ และเวทีราชประสงค์ โดยจำเลยกับพวกทราบคำสั่งเจ้าพนักงานแล้วยังขัดขืนคำสั่งของเจ้าหน้าที่ไม่เลิกการชุมนุม และใช้กำลังทำร้ายเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ โดยมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดไม่ทราบชนิด ขนาด มีด ดาบ ท่อนไม้ ท่อนเหล็ก หนังสติ๊ก เป็นอาวุธ จนเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ทหาร ประชาชนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก รวมทั้งทรัพย์สินของทางราชการและประชาชนเสียหาย เหตุเกิดที่แขวงตลาดยอด แขวงวัดโสมนัส แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร แขวงดุสิต เขตดุสิต แขวงลุมพินี แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กทม.
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความของพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พยานโจทก์ และเทปการปราศรัยของจำเลยแล้ว เห็นว่าจำเลยกับพวกชุมนุมบริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศ ตั้งแต่เดือนมี.ค.2553 เพื่อต่อต้านรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ต่อมาเคลื่อนขบวนไปชุมนุมที่สี่แยกราชประสงค์ และระหว่างนั้นนำเลือดไปเทที่หน้าทำเนียบรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์ และบ้านนายอภิสิทธิ์ โดยการชุมนุมขัดขวางการจราจร กระทั่งรัฐบาลประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินพื้นที่ร้ายแรงในเขต กทม.และปริมณฑล กำหนดพื้นที่ห้ามชุมนุมสะพานผ่านฟ้าฯ และสี่แยกราชประสงค์ แต่จำเลยกับพวกก็ยังคงชุมนุม
คำพิพากษาระบุต่อว่า ทั้งยังปรากฏว่าเมื่อมีการใช้กำลังทหารเพื่อขอคืนพื้นที่แยกคอกวัวเมื่อวันที่ 10 เม.ย.2553 จำเลยได้ขึ้นปราศรัยมีถ้อยคำว่าขอให้ผู้ชุมนุมที่อยู่ตามจุดแยกคอกวัว แยกจปร. สะพานมัฆวานรังสรรค์ ประจำแต่ละจุดไว้ และให้แบ่งกำลังส่วนหนึ่งไปยังอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และแยกคอกวัว รวมทั้งให้นำรถยนต์ไปจอดขวางไม่ให้ทหารเข้าทางด้านอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และโรงเรียนสตรีวิทยา ขณะที่ยังปรากฏว่าพบลูกระเบิดในพื้นที่ ดังนั้น การการชุมนุมของจำเลยจึงไม่ได้เป็นไปโดยสงบสันติ ปราศจากอาวุธแบบอหิงสาตามที่ยกขึ้นอ้าง
นอกจากนี้ ได้ความจากพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ว่าเมื่อขอคืนพื้นที่มีการยึดทำลายรถถังของเจ้าหน้าที่ ผู้ชุมนุมใช้ด้ามธงขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน และใช้ด้ามธงแทงล้อรถของเจ้าพนักงาน การกระทำของจำเลยจึงแสดงให้เห็นว่าเมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกการชุมนุมแล้วตามประกาศ แต่จำเลยยังคงขึ้นปราศรัยให้ประชาชนที่ร่วมชุมนุมต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน แม้จะไม่ปรากฏว่าการขึ้นเวทีปราศรัยของแกนนำไม่ได้เตรียมการร่วมกันมาก่อน แต่ก็มีความหมายไปทำนองเดียวกันว่าให้ผู้ชุมนุมตรึงกำลังรักษาพื้นที่ชุมนุมต่อไป และยังบอกวิธีการสกัดกั้นไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้ามาในพื้นที่ รวมทั้งยังกล่าวขอกำลังจากผู้ชุมนุมในจุดอื่นมาช่วยเสริม จนกระทั่งมีการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่
ศาลพิเคราะต่อว่าการกระทำของจำเลยจึงมีเจตนาปลุกระดมสนับสนุนกลุ่มผู้ชุมนุมให้เกิดความฮึกเหิม ใช้กำลังต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ทหาร จนทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต มีเจตนามุ่งหมายเพื่อให้การชุมนุมยังคงอยู่โดยกระทำนั้นไม่ใช่การแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตตามที่จำเลยอ้าง พยานหลักฐานโจทก์จึงมีน้ำหนักมั่นคงรับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยทำผิดตามฟ้อง พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานร่วมกันกระทำการให้ปรากฏด้วยวาจาที่ไม่ใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือไม่ใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นติชมโดยสุจริต มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองโดยมีอาวุธ ซึ่งเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกแล้วไม่เลิก
การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำกรรมเดียว ผิดกฎหมายหลายบท ให้จำคุก 1 ปี ฐานร่วมกันก่อให้เกิดความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร และให้ประชาชนล่วงละเมิดต่อกฎหมาย ตามมาตรา 116 ซึ่งเป็นบทหนักสุด และเมื่อพิเคราะห์แล้วเห็นว่าพฤติการณ์แห่งคดีมีความร้ายแรง ส่งผลให้กลุ่มผู้ชุมนุมปะทะกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต กรณีจึงมีเหตุรอการลงโทษ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังศาลมีคำพิพากษาแล้ว นายพิพัฒน์ชัยยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสด 100,000 บาท เพื่อขอปล่อยชั่วคราวสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ต่อไป



กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
























กระทู้ล่าสุด


รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
















































Love illusion ความรักลวงตา เพลงที่เข้ากับสังคมonline
Love illusion Version 2คนฟังเยอะ จนต้องมี Version2กันทีเดียว
Smiling to your birthday เพลงเพราะๆ ไว้ส่งอวยพรวันเกิด หรือร้องแทน happybirthday