จากกรณีที่ นายมโนพัศ หัวเมืองแก้ว อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช
อนุญาตให้นำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปดื่มในเขตอุทยานแห่งชาติได้ แต่ต้องดื่มเฉพาะในบ้านพัก ห้ามดื่มที่ลานกางเต็นท์ ซึ่งขัดแย้งกับอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เนื่องจากเคยมีนโยบายชัดเจนว่า ห้ามขายและห้ามนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติเด็ดขาด
วันนี้ (27ธ.ค.) ภก.สงกรานต์ ภาคโชคดี ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า
แม้ล่าสุดเลขานุการ ทส.จะออกมาระบุว่า เป็นเพียงความเห็นส่วนตัว แต่การส่งสัญญาณของอธิบดีกรมอุทยานฯ ในลักษณะนี้ ถือว่าผิดพลาดอย่างมาก เพราะประกาศดังกล่าวออกเป็นกฎหมาย อาศัยอำนาจตามความใน พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 มาตรา 18 มีบทลงโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 28 ธันวาคม 2553
"ในประกาศฉบับนี้บอกว่า ห้ามนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปหรือห้ามจำหน่ายในอุทยาน มันชัดเจนอยู่แล้ว แต่สิ่งที่อธิบดีพูดเท่ากับส่งสัญญาณให้ประชาชนไม่ต้องทำตามประกาศของหน่วยงานของตัวเอง การพูดในลักษณะนี้ ถือว่าขัดแย้งกับกฎหมาย สร้างความสับสนให้กับสังคม สุดท้ายกลายเป็นปัญหาระดับปฏิบัติงานได้ คำถามคือ ต้องการนักท่องเที่ยวแบบไหน ส่วนใหญ่คนที่มาเที่ยวป่าเพื่อมาอยู่กับความสงบและเสียงธรรมชาติ มากกว่าเสียงดังโวยวายจากวงเหล้า ที่สร้างปัญหาทำลายบรรยากาศ" ภก.สงกรานต์ กล่าว
ผู้อำนวยการ สคล.กล่าวอีกว่า นโยบายเดิมที่มีอยู่ก็ดีอยู่แล้ว จึงไม่เข้าใจว่าต้องการเปิดช่องเอาใจคนขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือเป็นการให้ท้ายคนเมาในอุทยาน อย่าลืมว่าปัญหาที่ตามมาจากคนที่ดื่มแอลกอฮอล์ในอุทยาน ไม่ใช่แค่เรื่องทะเลาะวิวาท ยังมีเรื่องส่งเสียงดัง ทำให้สัตว์ป่าแตกตื่น สร้างความรำคาญให้คนอื่น และปัญหาขยะ อีกทั้งประกาศฉบับนี้ออกมาหลังจากมีข่าวนักศึกษาเมาแทงกันตายที่อุทยาน แต่มาวันนี้จะมีการผ่อนปรนข้อกฎหมาย หากเกิดปัญหาทะเลาะวิวาท บาดเจ็บ หรือเสียชีวิต ขึ้นอีก ใครจะรับผิดชอบ จะกลายเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่