เตือนเสี่ยงอินเทอร์เน็ตแบงก์
“ไฟโค่” คาดปีหน้าปริมาณการทุจริตทางการเงินผ่านมือถือในเอเชียแปซิฟิกเพิ่ม 10-20% “กสิกรไทย” รับไวรัสโทรจันยังระบาด เล็งให้ความรู้ลูกค้าทำธุรกรรมอย่างปลอดภัย
นายแดน แมคโคแนจกี ประธาน บริษัท ไฟโค่ ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีภาคธนาคาร เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าภายในปี2556 ปริมาณการทำทุจริตทางการเงินในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะเพิ่มขึ้นประมาณ 10-20% โดยเฉพาะในช่องทางที่มีการใช้งานเพิ่มขึ้น เช่น บริการธนาคารผ่านมือถือ หรือโมบายแบงก์กิง ทำให้ธนาคารในเอเชียควรมีการปรับปรุงเทคโนโลยีใหม่ในการปกป้องลูกค้าและบริหารความเสี่ยงในสายผลิตภัณฑ์ของธนาคาร
ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการทุจริตที่ซับซ้อนมากขึ้น ธนาคารควรหลีกเลี่ยงการใช้ระบบขนาดใหญ่ที่มุ่งจะแก้ปัญหาเพียงด้านเดียว และหันมาใช้ระบบที่มีอยู่คู่กับระบบที่ฉลาดขึ้นในการวิเคราะห์ เพื่ออุดช่องโหว่ของระบบที่ธนาคารมีอยู่
“การลดผลกระทบต่อลูกค้า ลดความเสี่ยงในการปฏิบัติการ รวมถึงการปลอมแปลงเอกสาร และการยื่นเอกสารเท็จในการสมัครสินเชื่อกลายเป็นความกังวลสูงสุดของผู้บริหารในขณะนี้”นายแดน กล่าว
นายอาจ วิเชียรเจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ธนาคารได้มีการปรับปรุงระบบความปลอดภัยด้านไอทีเพื่อรับมือกลุ่มมิจฉาชีพตลอดเวลา อย่างไรก็ดียอมรับว่าขณะนี้ยังมีลูกค้าโมบายแบงก์กิงของธนาคารที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโทรจันอยู่ เนื่องจากลูกค้าบางรายมีพฤติกรรมที่สุ่มเสี่ยง เช่น กรอกรหัสธุรกรรมทางการเงินโดยไม่ตรวจสอบ ทำให้การป้องกันทำได้ยาก
“การเข้มงวดต้องทำให้พอดี ไม่หลวมเกินไป แต่ถ้าเข้มไปลูกค้าอาจโวย เช่น ธนาคารบังคับให้ลูกค้าเปลี่ยนรหัสผ่าน อย่างไรก็ตามเราตั้งการ์ดและสำรวจเสมอว่ามีความเสี่ยงหรือวิธีทุจริตรูปแบบใดเพิ่มขึ้นบ้างเพื่อหาระบบที่ปลอดภัยมาป้องกัน แต่เรื่องสำคัญที่สุด คือ การให้ความรู้กับลูกค้าถึงวิธีทำธุรกรรมที่ปลอดภัย” นายอาจ กล่าว
จากงานวิจัยในประเทศไทย สถิติที่เก็บข้อมูลจากเว็บบอร์ดและการร้องทุกข์คดีต่างๆ ทางอินเทอร์เน็ตช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีสถิติโตอย่างก้าวกระโดด นอกจากการหลอกลวงฉ้อโกงโดยทั่วไปแล้ว ยังมีภัยคุกคามจากการใช้บริการอินเทอร์เน็ตแบงก์กิง จากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของผู้ใช้งานเอง จากแฮกเกอร์ และการใช้โปรแกรมมัลแวร์หรือโทรจันที่จะฝังในเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือโทรศัพท์สมาร์ตโฟน จากพฤติกรรมของผู้ใช้ที่ไม่ระวังเอง