สวนดุสิตโพล ชี้ประชาชนเห็นควรแก้รธน. แต่รัฐบาลต้องอธิบายเหตุผลให้ชัดเจน หวั่นเกิดความวุ่นวาย
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวอื่นๆ สวนดุสิตโพล ชี้ประชาชนเห็นควรแก้รธน. แต่รัฐบาลต้องอธิบายเหตุผลให้ชัดเจน หวั่นเกิดความวุ่นวาย
ภาพจาก ข่าวสด
วันที่ 8 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักวิจัยสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชนในกรุงเทพฯ และปริมณฑล กรณี "การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในสายตาประชาชน"
เมื่อถามความคิดเห็นของประชาชน กับ "การแก้ไขรัฐธรรมนูญ" ที่พรรคร่วมรัฐบาลจะนำเสนอ พบว่า
อันดับ 1 ร้อยละ 44.16 ตอบว่า ควรชี้แจงเหตุผลของการแก้ไขรธน.ให้ประชาชนได้รับรู้อย่างชัดเจนและฟังความคิดเห็นจากหลายๆ ฝ่าย, อันดับ 2 ร้อยละ 28.43 รัฐบาลมีความต้องการที่จะแก้ไขรธน. แต่รอเวลาและโอกาสที่เหมาะสมเนื่องจากมีหลายฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย และอันดับ 3 ร้อยละ 27.41 อาจเกิดความวุ่นวายทางการเมืองตามมาทั้งในสภาและนอกสภา
เมื่อถามว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้จะก่อให้เกิดความวุ่นวายทางการเมืองหรือไม่? อันดับแรก 69.34% กลัวว่าจะก่อให้เกิดความวุ่นวาย เพราะเป็นเรื่องสำคัญและเป็นปัญหาที่ยืดเยื้อมานาน มีการโต้แย้งในเรื่องนี้มาแล้วหลายครั้ง เป็นสาเหตุให้บ้านเมืองต้องวุ่นวาย ฯลฯ, อันดับสอง 25.00% ไม่แน่ใจ เพราะไม่รู้ว่าการแก้ไขรธน.ในครั้งนี้เป็นไปเพื่อประโยชน์ส่วนตัวหรือส่วนร่วมกันแน่ ต้องรอดูประเด็นที่จะแก้ไขและฟังเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากหลายๆ ฝ่ายโดยเฉพาะนักวิชาการ ฯลฯ และอันดับสาม 5.66% ไม่วุ่นวาย เพราะคิดว่ารัฐบาลน่าจะควบคุมสถานการณ์ได้ ถ้าทำตามกระบวนการขั้นตอนต่างๆ อย่างถูกต้อง ฯลฯ
เมื่อถามว่า ทำอย่างไรการแก้ไขรัฐธรรมนูญจึงจะไม่เกิดความวุ่นวายทางการเมือง อันดับหนึ่ง 30.16% ต้องรับฟังเหตุผลจากหลายๆ ฝ่าย และหาแนวทางที่เหมาะสมที่เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง, อันดับสอง 28.09% ยังไม่ควรแก้ไขในตอนนี้ ควรชะลอไปก่อน โดยศึกษาทบทวนตัวบทกฎหมายของรัฐธรรมนูญอย่างละเอียดถี่ถ้วน, อันดับสาม 24.11% ต้องมีการชี้แจง ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รู้และเข้าใจถึงความจำเป็นอย่างมีเหตุและผล และอันดับสี่ 17.64% ต้องทำให้ทุกฝ่ายเกิดการยอมรับในการแก้ไขรธน.ครั้งนี้ แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลดำเนินการต่างๆ ตามขั้นตอนโดยยึดหลักความถูกต้อง ยุติธรรม ไม่ทำเพื่อประโยชน์ส่วนตน
เมื่อถามว่า ประชาชนคิดว่าควรมี "การแก้ไขรัฐธรรมนูญ" หรือไม่ อันดับ 1 ร้อยละ 41.62 ควรแก้ไข แต่ควรประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับรู้ก่อน, อันดับ 2 ร้อยละ 20.57 ยังไม่ควรแก้ไข ควรชะลอไปก่อน, อันดับสาม 18.66 ยังไม่ควรแก้ไขเลย, อันดับสี่ 11.50% แก้ไขก็ได้ไม่แก้ไขก็ได้ และอันดับห้า 7.65% ควรแก้ไขได้เลย
ต่อข้อถามว่า ถ้าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญควรยึดหลักเกณฑ์อะไรบ้าง อันดับ 1 อยู่ที่ 39.40% ตอบว่า คำนึงถึงประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ เน้นความถูกต้อง ยุติธรรม เป็นประชาธิปไตย, อันดับ 2 ร้อยละ 34.63 เป็นการแก้ไขรธน.ที่เกิดประโยชน์แก่ส่วนรวมอย่างแท้จริง รับฟังเสียงส่วนใหญ่ และอันดับสาม 25.97 เป็นไปตามกฎระเบียบข้อบังคับที่ถูกต้อง และมีความสอดคล้องกับสภาพการณ์ปัจจุบันของประเทศ