เจ้าอาวาสวัดแม่ตะไคร้หอบหลักฐานส่งดีเอสไอ
วันนี้ (27 พ.ย.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) พระใบฎีกาเทียนชัย สุภัทโท เจ้าอาวาสวัดแม่ตะไคร้ ต.ทาเหนือ อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ เข้าพบนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ เพื่อยื่นเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมกรณีขอให้ตรวจสอบพฤติกรรมของนายสมพงษ์ กันภัย (อาจารย์หนู กันภัย) เจ้าของสำนักสักยันต์ชื่อดังย่านปทุมธานี
ซึ่งอ้างว่าได้ขอรับบริจาคเงินจากประชาชนผ่านสถานีโทรทัศน์ทีวีดาวเทียมได้เงินกว่า 1 ล้านบาท เพื่อนำมาซื้อที่ธรณีสงฆ์ถวายวัดจำนวน 7 ไร่ 1งาน
แต่ปรากฏภายหลังว่า นายสมพงษ์ได้แบ่งที่ดินโดยถวายให้วัดเพียง 5 ไร่เศษ ส่วนอีก 2 ไร่ เป็นชื่อของน.ส.อรวรรณ วิลาทอง ซึ่งเป็นภรรยาของนายสมพงษ์ นอกจากนี้ได้นำคลิปวีดีโอเชิญชวนประชาชนให้บริจาคเงินเพื่อซื้อที่ดินถวายวัดมามอบเป็นหลักฐานให้ ดังนั้น การที่อาจารย์หนูรับบริจาคเงินจากประชาชน แล้วนำมาซื้อที่ดินให้วัด แต่ไม่ได้มอบให้ทั้งหมดและยังนำชื่อภรรยาไปใส่ ทางวัดจึงต้องการให้อาจารย์หนูนำที่จำนวน 2 ไร่ที่ใส่ชื่อภรรยามาคืนวัด
ด้านนายธาริต กล่าวว่า ดีเอสไอจะรับเอกสารทั้งหมดไว้ประกอบการพิจารณาคดี เนื่องจากก่อนหน้านี้ทางสำนักคดีอาญา 2 ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปสอบพยานบุคคลและเอกสารบัญชีการเงินพร้อมทั้งสิ่งปลูกสร้างภายในวัด ซึ่งคดีมีความคืบหน้าพอสมควร แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดเนื่องจากเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เพราะเกี่ยวข้องกับพระและฆราวาส อย่างไรก็ตาม คดีนี้แม้สังคมจะมองว่าเป็นเรื่องเล็ก แต่ในความเป็นจริงเป็นเรื่องใหญ่ และอาจส่งผลกระทบในวงกว้าง ดังนั้นการสอบสอบจึงต้องใช้เวลาพอสมควร
ขณะที่ พ.ต.ท.อนุรักษ์ โรจนนิรันดร์กิจ ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ 2 กล่าว ล่าสุดกรรมการผู้จัดการบริษัท โอมมหารวย ได้นำหลักฐานเข้าชี้แจงความต่อพนักงานสอบสวน ดีเอสไออยู่ระหว่างการตรวจสอบเอกสารและคำให้การทั้งหมด ก่อนจะชี้ขาดว่ากรณีข้อพิพาทดังกล่าวเป็นความผิดทางอาญาหรือความผิดทางแพ่ง เนื่องจากไม่มีผู้บริจาคเงินเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีกับอาจารย์หนู คดีจึงไม่มีมูลความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน แต่การสัญญาว่าจะทำบุญแล้วผิดสัญญาอาจตีความเป็นความเสียหายทางแพ่ง
สำหรับการตรวจสอบรายได้จากการจำหน่ายวัตถุมงคลรวมถึงข้อมูลการเงินต่างๆนั้น ดีเอสไอจะประสานให้กรมสรรพากรช่วยตรวจสอบรายการเสียภาษีทั้งหมด เพื่อนำมาประกอบสำนวนคดี