เจ้าของร้านเน็ตเมืองปทุมฯ โวยถูกคนร้ายบุกซ้อมปล้นเงิน-ตัดสินใจลงคลิปเตือนภัยในยูทูบ
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวอื่นๆ เจ้าของร้านเน็ตเมืองปทุมฯ โวยถูกคนร้ายบุกซ้อมปล้นเงิน-ตัดสินใจลงคลิปเตือนภัยในยูทูบ
เมื่อ 22 พ.ย. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" ได้รับการร้องเรียนจาก เรืออากาศเอก เอิบเปรม ปิ่นประดับ อายุ 29 ปี เจ้าของร้านอินเตอร์เน็ตในซอย 4 ม.2 ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ว่าร้านอินเตอร์เน็ตของตนเองที่เปิดอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ถูกกลุ่มคนร้ายบุกเข้ามาทำร้ายร่างกายลูกน้องที่ดูแลร้านและชิงเงินสดไป แต่เมื่อแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วกลับไม่ยอมมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ แต่กลับบอกให้เดินทางไปแจ้งความที่โรงพัก จึงได้นำคลิปคนร้ายที่เข้ามาก่อเหตุลงในเว็ปยูทูบเพื่อเตือนเพื่อนๆ กลุ่มผู้ประกอบการในละแวกเดียวกัน
เมื่อผู้สื่อข่าวเดินทางไปตรวจสอบยังร้านอินเตอร์เน็ตดังกล่าว พบ รอ.เอิบเปรม และคนดูแลร้านอีก 2 คน คือนายอรรถพล ใยอิ่ม อายุ 26 ปี และนายวุฒิพงษ์ แม่นหว่า อายุ 19 ปี อยู่ภายในร้าน โดย รอ.เอิบเปรม เปิดเผยว่า ร้านอินเตอร์เน็ตของตนเองนั้น เปิดมาตั้งแต่เดือนก.ค. ซึ่งส่วนใหญ่แล้วตนเองก็ไม่ค่อยได้อยู่ร้านแต่จะจ้างลูกน้องไว้คอยดูแลร้าน 2 คน ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นและกำลังได้รับความเดือดร้อนคือเมื่อวันที่ 20 พ.ย. เวลาประมาณ 04.30 น.มีคนร้ายเป็นชาย 3 คน บุกเข้ามาในร้านโดยตอนนั้นตนเองไม่อยู่ร้าน จากนั้นก็ได้ลงมือชกต่อยทำร้ายร่างกายลูกน้องทั้ง 2 คนของตนเองและยังทำร้ายลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการในร้านด้วย จากนั้นก็เปิดลิ้นชักโต๊ะเก็บเงินแล้วหยิบเอาเงินสด 4,000 บาทเศษไปด้วย ก่อนพากันหลบหนีไป
หลังจากคนร้ายหลบหนีไปแล้วนายอรรถพล จึงได้โทรศัพท์มาแจ้งตนเอง และในครั้งแรกนั้นตนไม่ได้รับสาย ต่อมานายอรรถพล ก็ได้โทรศัพท์ไปยังหมายเลข 191 แต่ไม่สามารถติดต่อได้ จากนั้นจึงแจ้งไปยัง สภ.คูคต แต่เจ้าหน้าที่ที่รับสายกลับบอกให้เดินทางไปแจ้งความที่โรงพักด้วยตนเอง และไม่มีใครมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ ซึ่งหลังจากวางสายโทรศัพท์จากตำรวจเพียงไม่กี่นาที คนร้ายทั้ง 3 คนได้ย้อนกลับมาที่ร้านอีกครั้ง และถามหานายอรรถพล ที่เป็นคนโทรแจ้งตำรวจแต่ครั้งนี้นายอรรถพล ได้วิ่งหนีขึ้นไปยังชั้นบน คนร้ายทั้ง 3 คนจึงได้ทำร้ายร่างกายนายวุฒิพงษ์ ลูกน้องของตนอีกคนหนึ่ง จากนั้นคนร้ายจึงหลบหนีไป
ด้านนายอรรถพล กล่าวว่า คนร้ายทั้ง 3 คนนั้นนอกจากเข้ามาชกต่อยตนเองแล้ว ยังมีการข่มขู่ว่าจะเอาปืนยิง และขู่ว่าจะเอาตัวตนเองไปตรวจฉี่หาว่าตนเองเสพยา แต่เรื่องนี้ตนเองไม่กลัวเพราะไม่เคยเสพยา ส่วนคนร้ายที่เข้ามานั้นลักษณะน่าจะเสพยามากกว่าและเมาด้วย เพราะมีกลิ่นเหล้า โดยหลังคนร้ายหลบหลบหนีไปแล้ว ตนเองโทษศัพท์ไปแจ้งความที่โรงพักหลายครั้ง ทั้งเบอร์ 191 และเบอร์โรงพักแต่ไม่สามารถติดต่อได้ แต่พอโทรไปครั้งสุดท้ายก็ติดต่อได้แต่ตำรวจกลับจะให้เดินทางไปแจ้งความที่โรงพัก ซึ่งก็ไม่รู้ว่าอย่างนี้จะมีเบอร์ไว้ทำไม เพราะโทรไปตำรวจก็ไม่มา
รอ.เอิบเปรม กล่าวต่ออีกว่า ก่อนหน้านี้เวลาประมาณ 22.00 น.วันที่ 19 พย. คือก่อนเกิดเหตุหนึ่งวัน ก็มีชายแต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ มาที่ร้าน และมาพูดกับลูกน้องของตนเองว่า ร้านแถวนี้เกิดเรื่องบ่อย และพูดในทำนองว่าอยากให้เขาดูแลร้านหรือไม่ ถ้าอยากให้ดูแลก็เอามา 1,000 บาท ซึ่งลูกน้องของตนเองก็ยอมจ่ายไปให้ 1,000 บาท แต่พอมาอีกวันก็ถูกคนร้าย 3 คนเข้ามาในร้าย และ คนที่แต่งกายคล้ายตำรวจนั้นเมื่อวานก็มาที่ร้าน ทำทีมาถามว่าคดีเป็นยังไง ไปถึงไหนแล้ว แต่ไม่ยอมเข้ามาในร้านคงกลัวกล้องวงจรปิด
หลังจากเกิดเรื่องตนเองจึงได้นำเอาภาพจากกล้องวงจรปิดที่จับหน้าคนร้ายทั้งหมดเอาไว้ได้ไปลงในเว็บยูทูบ เพื่อจะเตือนกลุ่มเพื่อนผู้ประกอบการร้านอินเตอร์เน็ตทั้งหลายให้ระวังตัว
ต่อมาในเวลา 10.30 น. วันเดียวกัน พ.ต.อ.วิสูตร ฉัตรชัยเดช รอง.ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี และเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่ง ได้เดินทางมาตรวจสอบยังร้านที่เกิดเหตุ และสอบถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งดูภาพวงจรปิดของคนร้ายที่เข้ามาก่อเหตุ โดย พ.ต.อ.วิสูตร กล่าวว่า จากการที่ดูกล้องวงจรปิดแล้วนั้น เห็นหน้าคนร้ายชัดเจน 1 คน และลักษณะของคนร้ายอีก 2 คนก็ชัดเจน ซึ่งคดีนี้ถือเป็นเรื่องอุกอาจไม่เกรงกลัวกฎหมาย ซึ่งจะได้ให้ชุดสืบสวนติดตามตัวมาดำเนินคดีอย่างเร่งด่วน
และในขณะนี้พอทราบแล้วว่าน่าจะเป็นกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่ ซึ่งจะเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดี ส่วนเรื่องที่ผู้เสียหายบอกว่าแจ้งความแล้วเจ้าหน้าที่ไม่มาตรวจสอบที่เกิดเหตุ ซึ่งเรื่องนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความเข็มงวด และมีหลักเกณฑ์ว่า เมื่อเกิดเหตุแล้วเจ้าหน้าที่สายตรวจจะต้องไปถึงที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว อาจจะ 3 นาที 5 นาที หรือ 7-10 นาที ก็ต้องอยู่ที่ระยะทาง ซึ่งเรื่องนี้ก็จะต้องตรวจสอบว่าเหตุที่มาล่าช้าหรือไม่มาที่เกิดเหตุนั้นเป็นอย่างไรเพื่อดำเนินการต่อไป
และเตรียมออกหมายจับกลุ่มผู้ก่อเหตุตามหลักฐานจากภาพกล้องวงจรปิด จากนั้นได้แบ่งทีมสืบสวนติดตามหาตัวทั้ง 3 คนมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
เมื่อผู้สื่อข่าวเดินทางไปตรวจสอบยังร้านอินเตอร์เน็ตดังกล่าว พบ รอ.เอิบเปรม และคนดูแลร้านอีก 2 คน คือนายอรรถพล ใยอิ่ม อายุ 26 ปี และนายวุฒิพงษ์ แม่นหว่า อายุ 19 ปี อยู่ภายในร้าน โดย รอ.เอิบเปรม เปิดเผยว่า ร้านอินเตอร์เน็ตของตนเองนั้น เปิดมาตั้งแต่เดือนก.ค. ซึ่งส่วนใหญ่แล้วตนเองก็ไม่ค่อยได้อยู่ร้านแต่จะจ้างลูกน้องไว้คอยดูแลร้าน 2 คน ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นและกำลังได้รับความเดือดร้อนคือเมื่อวันที่ 20 พ.ย. เวลาประมาณ 04.30 น.มีคนร้ายเป็นชาย 3 คน บุกเข้ามาในร้านโดยตอนนั้นตนเองไม่อยู่ร้าน จากนั้นก็ได้ลงมือชกต่อยทำร้ายร่างกายลูกน้องทั้ง 2 คนของตนเองและยังทำร้ายลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการในร้านด้วย จากนั้นก็เปิดลิ้นชักโต๊ะเก็บเงินแล้วหยิบเอาเงินสด 4,000 บาทเศษไปด้วย ก่อนพากันหลบหนีไป
หลังจากคนร้ายหลบหนีไปแล้วนายอรรถพล จึงได้โทรศัพท์มาแจ้งตนเอง และในครั้งแรกนั้นตนไม่ได้รับสาย ต่อมานายอรรถพล ก็ได้โทรศัพท์ไปยังหมายเลข 191 แต่ไม่สามารถติดต่อได้ จากนั้นจึงแจ้งไปยัง สภ.คูคต แต่เจ้าหน้าที่ที่รับสายกลับบอกให้เดินทางไปแจ้งความที่โรงพักด้วยตนเอง และไม่มีใครมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ ซึ่งหลังจากวางสายโทรศัพท์จากตำรวจเพียงไม่กี่นาที คนร้ายทั้ง 3 คนได้ย้อนกลับมาที่ร้านอีกครั้ง และถามหานายอรรถพล ที่เป็นคนโทรแจ้งตำรวจแต่ครั้งนี้นายอรรถพล ได้วิ่งหนีขึ้นไปยังชั้นบน คนร้ายทั้ง 3 คนจึงได้ทำร้ายร่างกายนายวุฒิพงษ์ ลูกน้องของตนอีกคนหนึ่ง จากนั้นคนร้ายจึงหลบหนีไป
ด้านนายอรรถพล กล่าวว่า คนร้ายทั้ง 3 คนนั้นนอกจากเข้ามาชกต่อยตนเองแล้ว ยังมีการข่มขู่ว่าจะเอาปืนยิง และขู่ว่าจะเอาตัวตนเองไปตรวจฉี่หาว่าตนเองเสพยา แต่เรื่องนี้ตนเองไม่กลัวเพราะไม่เคยเสพยา ส่วนคนร้ายที่เข้ามานั้นลักษณะน่าจะเสพยามากกว่าและเมาด้วย เพราะมีกลิ่นเหล้า โดยหลังคนร้ายหลบหลบหนีไปแล้ว ตนเองโทษศัพท์ไปแจ้งความที่โรงพักหลายครั้ง ทั้งเบอร์ 191 และเบอร์โรงพักแต่ไม่สามารถติดต่อได้ แต่พอโทรไปครั้งสุดท้ายก็ติดต่อได้แต่ตำรวจกลับจะให้เดินทางไปแจ้งความที่โรงพัก ซึ่งก็ไม่รู้ว่าอย่างนี้จะมีเบอร์ไว้ทำไม เพราะโทรไปตำรวจก็ไม่มา
รอ.เอิบเปรม กล่าวต่ออีกว่า ก่อนหน้านี้เวลาประมาณ 22.00 น.วันที่ 19 พย. คือก่อนเกิดเหตุหนึ่งวัน ก็มีชายแต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ มาที่ร้าน และมาพูดกับลูกน้องของตนเองว่า ร้านแถวนี้เกิดเรื่องบ่อย และพูดในทำนองว่าอยากให้เขาดูแลร้านหรือไม่ ถ้าอยากให้ดูแลก็เอามา 1,000 บาท ซึ่งลูกน้องของตนเองก็ยอมจ่ายไปให้ 1,000 บาท แต่พอมาอีกวันก็ถูกคนร้าย 3 คนเข้ามาในร้าย และ คนที่แต่งกายคล้ายตำรวจนั้นเมื่อวานก็มาที่ร้าน ทำทีมาถามว่าคดีเป็นยังไง ไปถึงไหนแล้ว แต่ไม่ยอมเข้ามาในร้านคงกลัวกล้องวงจรปิด
หลังจากเกิดเรื่องตนเองจึงได้นำเอาภาพจากกล้องวงจรปิดที่จับหน้าคนร้ายทั้งหมดเอาไว้ได้ไปลงในเว็บยูทูบ เพื่อจะเตือนกลุ่มเพื่อนผู้ประกอบการร้านอินเตอร์เน็ตทั้งหลายให้ระวังตัว
ต่อมาในเวลา 10.30 น. วันเดียวกัน พ.ต.อ.วิสูตร ฉัตรชัยเดช รอง.ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี และเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่ง ได้เดินทางมาตรวจสอบยังร้านที่เกิดเหตุ และสอบถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งดูภาพวงจรปิดของคนร้ายที่เข้ามาก่อเหตุ โดย พ.ต.อ.วิสูตร กล่าวว่า จากการที่ดูกล้องวงจรปิดแล้วนั้น เห็นหน้าคนร้ายชัดเจน 1 คน และลักษณะของคนร้ายอีก 2 คนก็ชัดเจน ซึ่งคดีนี้ถือเป็นเรื่องอุกอาจไม่เกรงกลัวกฎหมาย ซึ่งจะได้ให้ชุดสืบสวนติดตามตัวมาดำเนินคดีอย่างเร่งด่วน
และในขณะนี้พอทราบแล้วว่าน่าจะเป็นกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่ ซึ่งจะเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดี ส่วนเรื่องที่ผู้เสียหายบอกว่าแจ้งความแล้วเจ้าหน้าที่ไม่มาตรวจสอบที่เกิดเหตุ ซึ่งเรื่องนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความเข็มงวด และมีหลักเกณฑ์ว่า เมื่อเกิดเหตุแล้วเจ้าหน้าที่สายตรวจจะต้องไปถึงที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว อาจจะ 3 นาที 5 นาที หรือ 7-10 นาที ก็ต้องอยู่ที่ระยะทาง ซึ่งเรื่องนี้ก็จะต้องตรวจสอบว่าเหตุที่มาล่าช้าหรือไม่มาที่เกิดเหตุนั้นเป็นอย่างไรเพื่อดำเนินการต่อไป
และเตรียมออกหมายจับกลุ่มผู้ก่อเหตุตามหลักฐานจากภาพกล้องวงจรปิด จากนั้นได้แบ่งทีมสืบสวนติดตามหาตัวทั้ง 3 คนมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป