รวบแก๊งค้าไอซ์เครือคุกเมืองคอน
เมื่อเวลา 00.10 น.วันนี้(14 พ.ย.) พ.ต.อ.จำโนทย์ แก้วขาว ผกก.สภ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมด้วย พ.ต.ท.ธนวัตน์ สุขคะตะ สว.สส. และกำลังตำรวจสืบสวนนอกเครื่องแบบ เข้าปิดล้อมห้องแถว 3 ห้อง หน้าโรงพยาบาลเกาะสมุย เลขที่ 55/21 หมู่ 1 ต.อ่างทอง อ.เกาะสมุย หลังจากที่สืบทราบว่า มีเอเย่นต์ค้ายาเสพติด อยู่ภายในบ้านจากการเข้าตรวจค้นพบนายภิรมณ์ หรือสรวง รัตกัมพล อายุ 48 ปี เจ้าของบ้าน มาเปิดประตู เมื่อเห็นเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้กระโดดออกทางหน้าต่าง หลบหนี แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ซุ่มอยู่ตะครุบเอาไว้ได้ ส่วนในห้องครัว พบนายประเวศ ศรีสมบูรณ์ อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 35/35 หมู่ 1 ต.อ่างทอง อ.เกาะสมุย กำลังบรรจุยาเสพติดอยู่ เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ถึงกับนั่งหน้าซีด ตรวจสอบพบยาไอซ์ 207 กรัม มูลค่าประมาณ 550.000 บาท ถุงพลาสติกเงินสดอีกจำนวนหนึ่ง และสลิปการโอนเงินกว่า 20 ฉบับ มีเงินหมุนเวียนกว่า 1 ล้านบาท จึงยึดไว้เป็นของกลาง ทั้งนี้ยังควบคุมตัวนางนารีรัตน์ รัตกัมพล อายุ 35 ปี ภรรยานายภิรมณ์ ที่แอบอยู่ในห้องนอน มาดำเนินคดี
สอบสวนเบื้องต้น นายภิรมณ์ ให้การรับสารภาพว่า ยาไอซ์ ทั้งหมด เป็นของตน โดยตนเพิ่งจะสั่งยาไอซ์ 350,000 บาท มาพักที่บ้าน เพื่อบรรจุส่งให้ลูกค้า ส่วนยาไอซ์ทั้งหมดสั่งมาจากเรือนจำนครศรีธรรมราช เนื่องจากรู้จักจากข้างใน เพราะเพิ่งพ้นโทษในข้อหายาเสพติดมาได้แค่ 3 เดือน
ด้านนายประเวศ รับสารภาพว่า เป็นแค่ลูกน้อง วิ่งยา ส่งให้กับกลุ่มวัยรุ่น และช่วยบรรจุยาเสพติดใส่ถุงแบ่ง
ส่วนนางนารีรัตน์ ให้การอ้างว่า เป็นครูผู้ช่วยฝึกสอนโรงเรียนอนุบาลเด็กเล็กแห่งหนึ่ง ในเกาะสมุย และไม่ได้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดดังกล่าว โดยของกลางทั้งหมดเป็นของนายภิรมณ์ สามีคนเดียว
ด้าน พ.ต.อ.จำโนทย์ เปิดเผยว่า ตำรวจติดตามพฤติกรรม นายภิรมณ์ กับนางนารีรัตน์ ภรรยา มานานแล้ว เนื่องจากมีการใช่จ่ายเงินอย่างฟุ่มเฟือย และมีรถยนต์ รถจักรยานยนต์หลายคัน จนกระทั้งทราบว่า ผู้ต้องหากำลังนั่งบรรจุยาเสพติดอยู่ภายในบ้าน จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าปิดล้อม จับกุมได้ทั้งแก๊ง ตัดวงจรเอเย่นต์รายใหญ่ได้มาอีก 1ราย ทั้งนี้ได้ทำการยึดรถยนต์ 1 คัน และรถจักรยานยนต์ 4 คัน ไปทำการตรวจสอบ ว่าได้มาจากการจำหน่ายยาเสพติดหรือไม่ รวมของกลางที่ยึดทั้งหมดมูลค่าเกือบ 2 ล้านบาท
เบื้องต้นได้แจ้งข้อ ร่วมกันครอบครอง และ จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภทหนึ่ง ยาไอซ์ ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย ก่อนนำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีต่อไป